ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวประมาณ 3% จากการส่งออก รายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงการขับเคลื่อนจากภาครัฐ แต่ด้วยปัจจัยและแนวโน้มความเสี่ยงหลายอย่าง จึงถูก downside ลดลงเหลือประมาณ 1.5-2% แม้ในช่วงต้นปีการส่งออกจะดีเนื่องจากการเร่งซื้อสินค้าของสหรัฐฯ เพื่อเติมสต็อกก่อนปรับภาษี แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีการส่งออกในส่วนนี้จะลดลง
ขณะที่การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ถูกลักพาตัวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ กระทบกับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มทัวร์จีนลดลงอย่างมาก แม้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและยุโรปเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ภาพรวมยังน่าเป็นห่วง
"ใจผมยังคิดว่าเศรษฐกิจไทยน่ากังวล จากที่เราเคยคิดว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นบวก แต่ตอนนี้ติดลบเหลือเพียง 2-3% และกว่าจะกลับมาได้ก็ไม่ง่าย มีสัญญาณที่เห็นได้ชัดจากยอดขายของร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าลดลงช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม รวมถึงร้านอาหารและโรงงานบางแห่งในอุตสาหกรรมก็ปิดกิจการ แม้แต่ยอดรูดบัตรเครดิสยังติดลบ“
โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยยังเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ความกระฉับกระเฉงในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ และการผลักดันนโยบายของภาครัฐไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้ และต้องระมัดระวังทั้งข้อดีและข้อเสียที่เอาแน่เอาแม่ไม่ได้ นอกจากนี้ ความท้าทายและปัจจัยภายนอกจากนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศก็มีความไม่แน่นอนสูงมาก เช่น เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยไม่ติดอันดับ 1 ในด้านการท่องเที่ยวอีกต่อไป ในภูมิภาคเดียวกันญี่ปุ่นยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่าไทย ขณะเดียวกันมาเลเซียก็กำลังไล่ตามหลังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศไทย ส่งผลให้นักธุรกิจลังเลในการตัดสินใจลงทุน การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจึงชะลอตัวลง
แม้สถานการณ์จะน่ากังวล ยังมองเห็นโอกาสในภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าจะฟื้นตัวได้ภายใน 4-5 เดือน โดยมีสัญญาณที่ดีจากนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดย ททท. ยังมีช่องทางอีกมากหากทำโปรโมชั่นให้ดีขึ้น ส่วนภาคการส่งออกก็ควรหาประเทศคู่ค้าที่เป็นทางเลือกอื่นนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คือประคับประคองตนเอง และปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคใหม่ แม้จะเป็นปีที่ยากลำบากแต่ต้องไม่ท้อถอยเพื่อพาเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ไปให้ได้ โดยรัฐบาลควรเร่งเจรจาทางการค้าเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่ดีกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม เพื่อให้สินค้าไทยได้เปรียบ ดึงนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลควรเร่งรัดในสิ่งที่เป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริง