“ธุรกิจโรงรับจำนำ” นับเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการเงินให้กู้ยืมแก่ครัวเรือนหรือ หนี้ครัวเรือน โดยไตรมาส 4 ปี 2565 มีวงเงินหมุนเวียนกว่า 81,8881 ล้านบาท คิดเป็น 0.54% ของยอดหนี้ครัวเรือนรวม 15.09 ล้านล้านบาท
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ( Easy Money)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจโรงรับจำนำให้บริการการเงินระยะสั้นทันที ระหว่างรอเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินอื่นหรือเมื่อต้องการใช้เงินฉุกเฉิน เพื่อการรักษาพยาบาล ขยายธุรกิจสำรองเงินสด ขยายธุรกิจ หรือเพื่อการศึกษา
ส่วนใหญ่ลูกค้าของอีซี่มันนี่จะนำทรัพย์สินมาจำนำเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการประกอบอาชีพมากที่สุด บางรายนำทองคำมาจำนำเพื่อดาวน์มอเตอร์ไซด์ไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือเกษตรกรใช้บริการโรงรับจำนำเมื่อต้องการใช้เงินซื้อปุ๋ยหรือปรับปรุงสวน หรือล่งรับซื้อทุเรียน เอสเอ็มอีที่ต้องการต่อยอดธุรกิจที่ต้องการเงินด่วน แม้กระทั่งเจ้าของน้องหมาน้องแมวที่ต้องการเงินด่วนไปรักษาพยาบาล
กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจโรงรับจำนำ จึงเป็นกลุ่มลูกค้าที่ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีหรือพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีการเก็บออมในรูปแบบของทรัพย์สินที่มีความหลากหลายประเภท โดยจะมีประเภททรัพย์ตั้งแต่ราคาปกติไปจนถึงทรัพย์ราคาสูง เช่น ทองคำ สินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น เมื่อต้องการสภาพคล่องก็สามารถนำทรัพย์เหล่านั้นมาจำนำ เพื่อแปลงสภาพเป็นเงินสด
“คนมักเข้าใจผิดว่า ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คนจะใช้บริการโรงรับจำนำ แต่ความจริง คนไม่มีรายได้ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เขาจะไม่สร้างภาระหนี้ หากแต่เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จึงจะมีคนต้องการเงินสดไปลงทุนหรือขยายกิจการ ซึ่งธุรกิจโรงรับจำนำแตกต่างการจากการให้กู้ในรูปแบบอื่น เมื่อลูกค้าที่มีทรัพย์สินอยู่แล้ว ต้องการใช้เงินสดก็จะนำทรัพย์มาจำนำ”
อย่างไรก็ตาม ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ลูกค้าที่นำทรัพย์สินมาจำนำไม่สามารถไถ่ถอนแล้วปล่อยให้ทรัพย์หลุดจำนำ ซึ่่งทางโรงรับจำนำไม่คิดค่าปรับหรือติดตามทวงหนี้ ซึ่งลูกค้าก็ไม่ติดเครดิตบูโร แต่ลูกค้าที่เก็บออมในรูปของทรัพย์สินสามารถเลือกโรงรับจำนำ เพื่อทำให้ชีวิตสามารถเดินหน้าต่อได้
ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจโรงรับจำนำก่อนปี 2562 เติบโตค่อยเป็นค่อยไป แต่ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจโรงรับจำนำโดยรวมเติบโตช้าลง เห็นได้จาก Easy Money ยอดจำนำช่วงโควิดน้อยกว่าช่วงปกติ 20-30% ลูกค้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ที่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ไม่มีจำนวนมากอย่างมีนัย ส่วนหนึ่งเพราะช่วงโควิด กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่มี ทำให้ความต้องการใช้เงินน้อยลง อีกกลุ่มลูกค้าที่มาใช้ครั้งเดียวแล้วปล่อยให้ทรัพย์หลุด เพราะไม่มีความสามารถในการไถ่ถอน
“ระหว่างเกิดโควิด เราชะลอขยายสาขา หันมายกเครื่องในการเก็บรักษาทรัพย์จนได้รับมาตรฐาน ISO ทุกสาขา พร้อมพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดด้านบริการออนไลน์ เพื่อช่วยลูกค้าในช่วงทุกคนติดข้อจำกัดทั้งด้านการเงิน การเดินทาง รายจ่ายและด้านสุขภาพทำให้แอปพลิเคชั่น Easy Smart มีลูกค้าใช้บริการ 85%”นายสิทธิวิชญ์กล่าว
สำหรับปี 2566 หลังจากเปิดประเทศ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น มูลค่าการรับจำนำเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2564 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ประกอบการร้านอาหาร จะนำทองคำมาจำนำ เพื่อปรับปรุงร้าน หรือซื้อวัตถุดิบเตรียมรับลูกค้า โดย Easy Money มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาเพิ่มจาก 86 เป็น 91 สาขา ที่สำคัญได้ออกแบบสาขาให้สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาบริการใหม่ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า หรือในรูปแบบแอปพลิเคชั่น หรือผู้ประกอบการที่ต้องการทรัพย์/สำรองเป็นเงินสดซื้อวัตถุดิบเพื่อต่อยอดธุรกิจ อย่างเช่น ที่ผ่านมาอีซีมันนี่จับมือกับปูนซิเมนต์ไทยพัฒนาแพลตฟอร์ม “รักเหมา” สำหรับจัดซื้อวัสดุออนไลน์เชื่อมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจากร้านค้าเครือปูนซิเมนต์ไทยทั่วประเทศ ซึ่ง Easy Money จะเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนให้ผู้รับเหมาเพื่อสั่งซื้อวัสดุต่างๆ ซึ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสมือนวงเงินโอดีให้กับผู้รับเหมาก่อนที่จะได้รับเงินจากลูกค้า
นอกจากนั้น นโยบายการตลาดยังวางกลยุทธ์ omni Channel ต่อยอดการตลาดออนไลน์ต่อเนื่องทั้งที่ผ่านมาและปีหน้า โดยยังคงรุกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และเน้นการให้ความรู้ทางการเงิน ประโยชน์ของการรับจำนำ ซึ่ง Easy Money เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นสถาบันการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม โดยเฉพาะลูกค้าที่นำทรัพย์มาจำนำได้เงินแน่นอนและได้เงินเร็ว
ทั้งนี้ช่วง 4-5 เดือนปีนี้แนวโน้มความต้องการใช้เงินค่อยๆ เพิ่มจาก 3 ปีก่อน ที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มเอสเอ็มอีกลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยอีซีมันนี่มีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยและจากการขายทรัพย์ในสัดส่วน 50;50 โดยสิ้นปี2565 มีรายได้จากดอกเบี้ย 1,772 ล้านบาทและที่เหลือ 1,210 ล้านบาทเป็นรายได้จากการขายทรัพย์หลุดจำนำ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,888 วันที่ 18 - 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2566