เบรกโรงรับจำนำเอกชนโขกดอกเบี้ยสูง พม.เปิด สธค. หั่นดอกเหลือ 25 สตางค์

06 ก.พ. 2566 | 22:26 น.

พม. เบรกโรงรับจำนำเอกชนโขกดอกเบี้ยสูง เปิด สธค. โรงรับจำนำเพื่อสังคม แห่งที่ 43 หั่นดอกเบี้ยเหลือ 25 สตางค์ต่อเดือน ช่วยประชาชนประสบปัญหาทางการเงิน

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินเปิดสถานธนานุเคราะห์ สาขาที่43 อาคารสถานธนานุเคราะห์จ.ราชบุรี รับจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด ร้อยละ 25 สตางค์ต่อเดือน

เบรกโรงรับจำนำเอกชนโขลกดอกเบี้ยสูง พม.เปิด สธค. ดอกเบี้ย25 สตางค์ นางพัชรี  อาระยะกุล  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่าสถานธนานุเคราะห์ (สธค.) หรือโรงรับจำนำของรัฐ เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ในการจัดสวัสดิการสังคม เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินและผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงินเฉพาะหน้า โดยรับจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และตรึงระดับอัตราดอกเบี้ยไม่ให้โรงรับจำนำเอกชนเรียกค่าบริการสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

ปัจจุบัน สธค. ได้เปิดสถานธนานุเคราะห์  43 แห่ง  แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพมหานคร  29 แห่ง และปริมณฑล จำนวน 4 แห่ง เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน และแก้ไขความยากจนของประชาชน โดยสามารถนำสิ่งของมาจำนำ และเสียดอกเบี้ยในอัตราต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้รับ การบริการทางสังคมที่จำเป็นแก่การดำรงชีพ

ด้านนายประสงค์ พันธ์ลิมา ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย  ที่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเงินในระยะสั้น โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง  เพื่อให้ประชาชนมีเงินทุนหมุนเวียนนำไปลงทุนประกอบอาชีพ รวมทั้งใช้จ่ายทางการศึกษาของบุตร  หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน

 

โดย สธค.  มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ดังนี้ 1) เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาทคิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 บาท ต่อเดือน  2) เงินต้น 5,001 - 10,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 บาท ต่อเดือน  3) เงินต้น 10,001 - 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 บาทต่อเดือน 4) เงินต้น 20,001 - 100,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน

"สธค. คิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในธุรกิจโรงรับจำนำ เพียงร้อยละ 25 สตางค์ต่อเดือน (วงเงินไม่เกิน 5,000 บาท) และมีนโยบายรับจำนำทรัพย์ประเภททอง นาก เงิน และรูปพรรณ ไม่เกินร้อยละ 87.5 ของราคาทองรูปพรรณในท้องตลาด ซึ่งให้ราคารับจำนำที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ยังปรับภาพลักษณ์เปลี่ยนโฉมการบริการใหม่ ตั้งแต่ภาพลักษณ์ภายนอกด้านอาคารสถานที่ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น คล้ายคลึงสถาบันการเงินต่างๆ และการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน”