ลุยตั้งกองทุนความยั่งยืน “Beacon Impact Fund” 1.2 พันล้าน

28 ก.พ. 2566 | 05:56 น.

บีคอน วีซี ตั้งกองทุน Beacon Impact Fund พร้อมประกาศเป็นผู้นำลงทุนด้าน ESG ด้วยเงินเริ่มต้น 1,200 ล้านบาท มุ่งลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่แสวงหาผลกำไร มีแนวคิดดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติต่าง ๆ ของ ESG

นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) เปิดเผยว่า บีคอน วีซี  ได้จัดตั้งกองทุน Beacon Impact Fund พร้อมประกาศเป็นผู้นำด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน ESG ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1,200 ล้านบาท หรือประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแสวงหาบริษัทสตาร์ทอัพที่สร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน วัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีศักยภาพที่จะสามารถขยายผลไปในวงกว้าง

ลุยตั้งกองทุนความยั่งยืน “Beacon Impact Fund” 1.2 พันล้าน

สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และเจตนารมณ์ของธนาคารกสิกรไทย ที่มีความมุ่งมั่นจะยกระดับการดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปูทางให้สังคมไทยและโลกใบนี้เปลี่ยนผ่านไปยังเศรษฐกิจใหม่ที่สดใสและยั่งยืนกว่าที่เคยเป็นมา

กองทุน Beacon Impact Fund มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่อยู่ในช่วง Post-revenue หรือสามารถสร้างรายได้แล้ว มีฐานลูกค้าที่ชัดเจน และสามารถเติบโตได้ดี เช่นเดียวกับการลงทุนอื่น ๆ ของบีคอน วีซี ที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นบริษัทสตาร์ทอัพแสวงหาผลกำไร ที่มีแนวคิดดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติต่าง ๆ ของ ESG อาทิ   ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment): มุ่งเน้นธุรกิจที่ช่วยลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการลดการใช้พลังงานฟอสซิล (Decarbonization) การลดขยะและการผลิตเกินความจำเป็น (Waste Reduction) และการลดผลกระทบจากสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Adaptation)

ด้านสังคม (Social): มุ่งเน้นธุรกิจที่สร้างความเท่าเทียมและการเข้าถึงด้านการเงินและเทคโนโลยี (Financial and Digital Inclusion) การสร้างความรู้ความเข้าใจและวินัยด้านการเงินและเทคโนโลยี (Financial and Digital Literacy) และการสร้างการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ (Access to Health Care)

ด้านธรรมาภิบาล (Governance): มุ่งเน้นธุรกิจที่ปกป้องสิทธิผู้บริโภค (Consumer Protection) การสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Visibility) และการสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ (Business Transparency)

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาด้าน ESG แล้ว บีคอน วีซี เล็งเห็นความสำคัญของการจำกัดความเสี่ยงด้าน ESG ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรม บีคอน วีซี จึงจะคอยมองหาโอกาสในการสร้างร่วมมือและพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่ได้ลงทุนไปแล้ว หรือ Portfolio Company ต่างๆ เพื่อผลักดันแนวคิดแห่งความยั่งยืนและสนับสนุนพฤติกรรมเชิงบวกให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพและพนักงานของสตาร์ทอัพเหล่านั้นอีกด้วย

นายธนพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า บีคอน วีซี เป็นหน่วยงาน Venture Capital ของธนาคารกสิกรไทย เรามีความเชื่ออย่างยิ่งว่าการสร้างบทสนทนาและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความยั่งยืน ระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่จะเป็นกุญแจสำคัญในการขยายผลกระทบเชิงบวกที่บริษัทสตาร์ทอัพเหล่านี้สามารถสร้างให้กับประเทศไทยหรือโลกใบนี้ได้

จึงมีความหวังว่าการหันมาเริ่มลงทุนในธุรกิจกลุ่ม ESG ของบีคอน วีซี และธนาคารกสิกรไทย จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์กรและหน่วยงานลงทุนต่าง ๆ ในทุกระดับความสามารถ ให้หันมาสร้างนโยบายการลงทุนเชิงรุกในหมวดธุรกิจ ESG โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบเชิงบวกต่อโลกและสังคม นอกจากนี้ ยังหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงผลักดันและให้การสนับสนุนผู้คิดค้นนวัตกรรมรุ่นใหม่ที่มีปณิธานในการแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ที่พวกเราทุกคนและโลกใบนี้กำลังเผชิญอยู่ด้วย

"Beacon Impact Fund เตรียมงบ 1,200 ล้านบาทภายใน3 ปีเฉลี่ย400ล้านบาทต่อปีขนาด ลงทุน 1-3ล้านดอลลาร์ต่อราย เน้นลงทุนในผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญสร้างผลกระทบเชิงบวกด้านESG ซึ่งจะลงทุนได้5บริษัทต่อปีตามนโยบายของธนาคารกสิกรไทยที่มุ่งเป็นผู้นำ ESG และ sustainability  เพื่อสนับสนุนธนาคารสู่ net zero commitment 2030 ด้วยงบลงทุนรวม 1-2แสนล้านบาทซึ่งสอดคล้อง กับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือSustainable Development Goals :SDGs  ขององค์การสหประชาชาติ"