นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิด Top X Executive Program หลักสูตรระยะสั้นสำหรับเจ้าของกิจการและผู้บริหารเพื่อการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อการส่งออก รุ่นที่ 1 ว่า ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังคงเน้นค้าขายภายในประเทศและแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก ขณะที่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจยังมีอยู่อีกมากในตลาดโลกที่มีประชากรรวมกันกว่า 7,000 ล้านคน
ประกอบกับการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัลปัจจุบันทำให้การค้าออนไลน์ทำได้สะดวกขึ้น โอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศมีมากขึ้น แต่การสร้างและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกต้องอาศัยความพร้อมทั้งด้านองค์ความรู้ เงินทุน และเครือข่ายธุรกิจ
“ภาครัฐและภาคเอกชนไทยต้องร่วมมือกันเสริมสร้างและต่อยอดให้ธุรกิจไทยมีความพร้อมที่จะรุกหรือครองตลาดการค้าโลกได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นำมาซึ่งรายได้ของประชาชนอย่างทั่วถึงและการพัฒนาประเทศไทยในมิติต่าง ๆ อย่างยั่งยืน รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) เตรียมพร้อมประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ประชาชนทุกภาคส่วนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”นายอาคมกล่าว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)กล่าวว่า EXIM BANK ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล(CMUU) สร้างผู้ประกอบการไทยให้แข็งแกร่งใน Supply Chain การส่งออกโดยเปิดตัวโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเข้มข้นเพื่อบ่มเพาะและต่อยอดธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน รวมถึงขับเคลื่อน BCG Economy ในโลก Next Normal
ทั้งนี้ EXIM BANK ยังได้จัดสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 4.5% ต่อปีในปีแรก ซึ่งลดดอกเบี้ยจากปกติลง 0.5% ต่อปีให้กับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทางบก ทางเรือ และทางอากาศที่เป็นสมาชิกสภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. โดยฟรี! ค่าธรรมเนียม Front-end Fee โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แถม! กรมธรรม์ประกันการส่งออก EXIM for Small Biz (ฟรี! เบี้ยประกัน 3,000 บาท) อนุมัติสินเชื่อเร็วภายใน 7 วันทำการ โดยสามารถติดต่อตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565
ดร.รักษ์กล่าวต่อว่า ความร่วมมือของ EXIM BANK กับ 3 สภาและ CMMU ในครั้งนี้เป็นก้าวแรกของการสานพลังระหว่าง EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังกับพันธมิตรภาคเอกชนที่สำคัญระดับประเทศและสถาบันการศึกษา เพื่อค้นหาผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมจะก้าวต่อไปเป็นนักรบเศรษฐกิจไทยในเวทีการค้าโลก เพื่อร่วมกันระดมสมอง แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ใหม่ที่ทันโลกและปฏิบัติได้จริงในโลกธุรกิจยุค Next Normal
จากนั้นจะมีการพบปะพูดคุยและจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ อาทิ ตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยมีความคุ้นเคยและเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีและเศรษฐกิจ BCG เพื่อให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรได้เรียนรู้กลยุทธ์การปรับโมเดลธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย
“EXIM BANK พร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินอย่างครบวงจร ตั้งแต่เงินทุนหมุนเวียนไปจนถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ หลักสูตร TOP X Executive Program จึงถือเป็นปรากฏการณ์ของการรวมพลังเพื่อสร้างกองทัพนักรบเศรษฐกิจไทยที่พร้อมก้าวไปสู่โลกอนาคตอย่างมั่นใจ เพื่อฟันฝ่าความท้าทายและเข้าถึงโอกาสทองสำหรับผู้ที่ปรับตัวได้และแข็งแกร่งเพียงพอที่จะดำรงอยู่และสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กรและประเทศชาติ”
นอกจากจำนวนผู้ส่งออกและมูลค่าการค้าระหว่างประเทศที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้นจากการอบรมครั้งนี้ ผลลัพธ์ของโครงการยังได้แก่ องค์ความรู้และกูรูในโลกธุรกิจที่จะเป็นพี่เลี้ยงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ๆ ให้มีความพร้อมที่จะเริ่มต้นและขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้มากขึ้น มีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา มีธุรกิจเกิดใหม่ใน Supply Chain การส่งออกไทยที่เชื่อมโยงกับการส่งออกของโลก รวมถึงสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พาณิชยนาวี โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ หลักสูตร Top X Executive Program รุ่นที่ 1 เป็นหลักสูตรระยะสั้นสำหรับเจ้าของกิจการและผู้บริหารเพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจตลอด Value Chain ของภาคการส่งออก ผ่านรูปแบบการอบรมแบบ On-site ร่วมกับ Business Trip ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้อบรมได้รับความรู้ที่ทันสมัยในการบริหารธุรกิจ มีแนวคิดและกลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศอย่างครบวงจร มีความรู้เกี่ยวกับระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ได้รับประสบการณ์จากการศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศ ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ
รวมถึงได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) โดย EXIM BANK จะทำงานร่วมกับทีมประเทศไทยนำพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดโลกยุค Next Normal ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รุกตลาดใหม่ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่ง EXIM BANK มีสำนักงานผู้แทนใน CLMV พร้อมสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและพันธมิตร สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประชาคมโลกโดยรวม