ครม.ขยายเวลาโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan ถึง 30 มิ.ย.66

16 ส.ค. 2565 | 10:10 น.

ครม.เห็นชอบขยายเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan จากเดิมสิ้นสุด 31 ก.ค. 65 เป็นสิ้นสุด 30 มิ.ย.66

16 สิงหาคม 2565 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายระยะเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ ธสน. จากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการและให้บริการสินเชื่อได้ตามเป้าหมายภายในกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกประมาณ 3,049 ล้านบาท และยังเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการส่งออกของประเทศไทย  

สำหรับโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และต้องการปรับปรุงเครื่องจักรหรือลงทุนในเครื่องจักรใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวให้กลับมาประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยต้นทุนอัตราดอกเบี้ยที่สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้โดยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาท ระยะเวลาการให้กู้ยืม ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2, ปีที่ 3-5 อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลบร้อยละ 2 และ ปีที่ 6-7 อัตราดอกเบี้ย Prime Rate        

ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกอบการทุกขนาดธุรกิจ(S/M/L) ที่อยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่(S-Curve) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19  เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม(Robotics) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)  

 

โดยผลการดำเนินงาน EXIM Bizฯ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565  ธสน.ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 55 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,583 ล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565 มียอดเบิกใช้วงเงินจำนวน 15 ราย จำนวนเงิน 299 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออีกจำนวน 3,049 ล้านบาท