‘ปตท.สผ.’ปรับแผนลงทุนใหม่ หากกระทรวงพลังงานสั่งรักษาระดับการผลิตแหล่งบงกช
ปตท.สผ. พร้อมปรับแผนลงทุนผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยใหม่ หากกระทรวงพลังงานสั่งการให้คงกำลังการผลิตรวมแหล่งบงกช ปัจจุบันอยู่ที่ 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ชี้หากจัดหาผู้ชนะการประมูลได้ภายในปี2560 จะผลิตก๊าซให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าลงทุนแหล่งก๊าซแอลเอ็นจีต่างประเทศเพิ่ม
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการลงทุนต่อเนื่องในการรักษาอัตรากำลังผลิตปิโตรเลียมในแหล่งบงกชที่จะสิ้นสุดสัมปทานในช่วงปี 2565-2566 ว่า จากที่ ปตท.สผ.ได้จัดทำแผนการผลิตปิโตรเลียม เสนอไปให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพิจารณา ซึ่งจะมีการลดการลงทุนตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไปนั้น ในส่วนนี้หากกระทรวงพลังงานต้องการให้คงกำลังการผลิตในแหล่งบงกชให้ได้เท่าเดิม ปตท.สผ.ก็พร้อมที่จะปรับแผนการลงทุนใหม่ เพื่อให้แหล่งบงกชเหนือมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 541 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแหล่งบงกชใต้อยู่ที่ 367 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ขณะนี้ยังรอความชัดเจนแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ(Gas Plan) จากทางกระทรวงพลังงานก่อนว่าจะเป็นอย่างไร และหลังจากนั้นจะทำการหารือและปรับแผนการขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียมใหม่
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.อยากจะให้การจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล(ทีโออาร์) ในการเปิดประมูลแหล่งเอราวัณและบงกชที่หมดอายุ มีความชัดเจนตามแผนภายในสิ้นปีนี้ และเปิดประมูลได้ในเดือนมีนาคม 2560 เพื่อจะได้วางแผนบริหารจัดการความมั่นคงด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ก่อนที่แหล่งบงกชจะสิ้นสุดอายุสัมปทาน ซึ่งปตท.สผ.มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลตามกรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนด และอาจยื่นประมูลทั้ง 7 แปลง ตามที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้มีการจัดแปลงเปิดประมูลใหม่ แต่หากการประมูลล่าช้าออกไปจากที่กำหนด จะกระทบต่อการวางแผนลงทุนของบริษัท ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องกับปริมาณการผลิตที่ลดลง
นายสมพร กล่าว สำหรับการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม ปตท.สผ.ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศมีหลายแหล่งที่เตรียมผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) เพื่อป้อนเข้ามาในไทย ส่วนปริมาณขึ้นอยู่กับสัญญาระหว่าง ปตท. ในฐานะผู้รับซื้อ ล่าสุดโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งมีสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีกับ ปตท.กว่า 2 ล้านตัน ปัจจุบันรัฐบาลโมซัมบิกเห็นชอบแผนงานลงทุนแล้ว ขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตกำลังเจรจาด้านอื่นๆ เช่น แผนการจำหน่ายแอลเอ็นจี ซึ่งคาดว่าจะประกาศแผนงานขั้นสุดท้ายสำหรับการลงทุนได้ภายใน ปี 2560 และจะเริ่มผลิตในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า โดยแหล่งนี้ มีปริมาณก๊าซฯสำรอง 60-70 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
นอกจากนี้กลุ่ม ปตท. ยังมีนโยบายในการจัดหาก๊าซทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนของ ปตท.สผ. มีการลงทุนเพิ่มในแหล่ง SK410B ประเทศมาเลเซีย ขณะเดียวกันได้ร่วมกับ ปตท. ซึ่งอยู่ระกว่างการเจรจาอีก 1 แหล่ง โดยเป็นแหล่งที่มีการผลิตหรือกำลังจะผลิตแอลเอ็นจีในมาเลเซีย เพื่อนำมาป้อนให้กับไทยที่มีแนวโน้มความต้องการใช้แอลเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สำหรับแผนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย ระยะ 5 ปีข้างหน้า (2559-2563) ที่ปตท.สผ.ได้จัดส่งให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพิจารณาไปแล้วนั้น มีประมาณ 5,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นงบลงทุน 3,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ งบดำเนินการ 1,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ลดลงต่อเนื่องจากปี 2558 ที่เคยอยู่ในระดับ 1,224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปี 2559-2560 ลดลงเหลือปีละ 960 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2561 ลดลงเหลือ 730 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2562 เหลือ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปี 2563 ลดลงเหลือ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่งบดำเนินการปรับลดลงเช่นเดียวกันจากปี 2558 เคยอยู่ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2559-2561 ลดลงเหลือปีละ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2562 ลดลงเหลือ 370 ล้านบาท และปี 2563 ลดลงเหลือ 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสะท้อนได้จากจำนวนหลุมขุดเจาะสำรวจจากปี 2558 เคยเจาะอยู่ที่ 163 หลุม ปี 2559 ลดลงเหลือ 158 หลุม ปี2560 จำนวน 102 หลุม ปี 2561 จำนวน 87 หลุม ปี 2562 จำนวน 128 หลุม และปี 2563 เหลือ 90 หลุม โดยยังคงประมาณส่งก๊าซอยู่ที่ระดับ 1,090 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ทั้งนี้ มองว่างบลงทุนที่ลดลงดังกล่าวน่าจะมาจากการลดการลงทุนในแหล่งบงกชเป็นหลัก เนื่องจากการนำเสนอแผนการผลิตดังกล่าว อยู่บนพื้นฐานที่ปตท.สผ.ยังไม่มีความมั่นใจว่า การประมูลแหล่งสัมปทานที่จะหมดอายุจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนหรือไม่
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,193 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2559