เปิดปฏิบัติการ ผู้ว่าฯ ธปท. สกัดทุนเทา ยกเครื่องข้อมูลคุมธุรกรรมเสี่ยง–ทองคำ–ดิจิทัล

23 พ.ย. 2568 | 06:26 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2568 | 06:37 น.

วิทัย รัตนากร  ผู้ว่าฯ ธปท. เปิดปฏิบัติการสกัด ‘ทุนเทา’ ปรับเกณฑ์การเงินครั้งใหญ่ ยกเครื่องข้อมูลธุรกรรม–ธุรกิจทองคำ–กำกับผู้ให้บริการดิจิทัล หลังพบช่องโหว่ใหญ่ในระบบการเงินไทย

KEY

POINTS

  • ธปท. เปิดปฏิบัติการสกัดกั้น "ทุนเทา" โดยจะยกเครื่องระบบข้อมูลเพื่อให้สามารถติดตามธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การโอนเงินก้อนใหญ่ และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ได้โดยตรง
  • เตรียมเข้ากำกับดูแลธุรกิจทองคำซึ่งเป็นช่องโหว่ใหญ่ที่ไม่มีการควบคุม เพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลและประเมินผลกระทบต่อเสถียรภาพค่าเงินบาท
  • ยกระดับความเข้มข้นของมาตรการรู้จักลูกค้า (KYC/CDD) ให้ครอบคลุมสถาบันการเงิน, ผู้ให้บริการ e-Wallet และผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อสกัดกั้นบัญชีม้าและธุรกรรมผิดปกติ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้การนำของ 'วิทัย รัตนากร' ผู้ว่าการ ธปท. เดินหน้าปฏิบัติการ “สกัดทุนเทา” ครั้งสำคัญ หลังปัญหาเงินผิดกฎหมาย ทั้งการพนันออนไลน์ การปั่นบัญชี การโอนเงินเข้าออกก้อนใหญ่ และธุรกรรมลับที่เกี่ยวข้องกับทองคำ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งต่อประชาชน ระบบการเงิน และความผันผวนของค่าเงินบาท และความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินโดยรวม

รายงานพิเศษฉบับนี้สรุปภาพใหญ่ของแนวคิดเชิงนโยบาย มาตรการที่เตรียมออกใช้ และเหตุผลที่ทำให้ ธปท. ต้อง “ยื่นมือ ติดดิน” เข้ามารับบทเชิงรุก เพื่อปิดช่องโหว่ที่ใช้ระบบการเงินไทยเป็นทางผ่านของธุรกรรมผิดกฎหมายจำนวนมาก

ปัญหาใหญ่: ธปท. ไม่เห็นข้อมูล Flow เงินบาทในระบบ

ข้อเท็จจริงภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ธปท. ไม่สามารถมองเห็น “flow เงินบาท” ที่เกิดขึ้นในระบบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินที่เกิน 500,000 บาท การฝากเงินสดที่สูงกว่า 2 ล้านบาท หรือธุรกรรมต้องสงสัยที่เป็นหัวใจสำคัญของการติดตามเงินผิดกฎหมาย ข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดถูกส่งตรงไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพียงหน่วยงานเดียว ทำให้ ธปท. ขาดข้อมูลสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบ ทั้งที่ธุรกรรมเหล่านี้มีผลต่อเสถียรภาพการเงินโดยตรง

ผู้ว่าฯ วิทัย ยอมรับว่า ปัญหานี้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก ทั้งกรณีบัญชีม้า บัญชีที่ถูกใช้กระทำความผิด หรือธุรกรรมที่ทำให้ผู้ฝากเงินและผู้โอนเงินตกเป็นเป้าตรวจสอบโดยไม่รู้ตัว ธปท. จึงจำเป็นต้อง “ยื่นมือ ติดดิน” ด้วยการกลับไปใช้กฎหมายที่มีอยู่ ทั้งพระราชบัญญัติสถาบันการเงิน และพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน เพื่อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์รายงานธุรกรรมบางประเภทที่ผิดปกติต่อ ธปท. โดยตรง แนวทางใหม่นี้ไม่เพียงเป็นการเพิ่มการมองเห็นเส้นทางเงินเทา แต่ยังช่วยสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานอื่น โดยเฉพาะ ปปง. ในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด

เปิดแผน 2 มิติสกัดทุนเทา: มองเห็นเส้นทางเงิน – ยกระดับ KYC

ขณะเดียวกัน ธปท. ยังเดินหน้าปรับเกณฑ์ด้านการรู้จักลูกค้าหรือ KYC/CDD ให้เข้มข้นมากขึ้น โดยครอบคลุมตั้งแต่ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ไปจนถึงผู้ให้บริการ e-Wallet ผู้ให้บริการโอนเงินรายย่อย และผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนเงินตรา เพื่อคัดกรองและตรวจจับธุรกรรมผิดปกติให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะบัญชีที่ถูกใช้บนแพลตฟอร์มพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของทุนเทาที่กำลังเติบโตแบบไร้รอยต่อ

วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท.

ธปท. วางแนวทางจัดการทุนเทาไว้ 2 มิติหลัก ได้แก่

1. มิติ “เพิ่มการมองเห็น” เส้นทางเงินต้องสงสัย ด้วยการใช้กฎหมายที่มีอยู่กำกับให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลธุรกรรมผิดปกติตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด เช่น เงินก้อนใหญ่เข้าแล้วออกทันที บัญชีที่ถูกใช้บนเว็บพนันออนไลน์ ธุรกรรมที่มีรูปแบบการโอนที่ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจจริง

ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อ ปกป้องผู้บริโภค ป้องกันระบบการเงินกลายเป็นช่องทางทำทุจริต และส่งต่อให้ ปปง. ประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย

2. มิติ “ยกระดับการกำกับและรู้จักลูกค้า (KYC/CDD)” ที่ครอบคลุมทั้ง ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ผู้ให้บริการ e-Wallet Money Transfer Agent และ Money Changer โดยจะมีการ กำหนด customer profiling ตรวจสอบระบบตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัย บังคับใช้กฎเมื่อพบความเกี่ยวข้องกับการทำผิด ซึ่ง Money Changer จะถูกจัดระเบียบด้วยการเพิ่มมาตรฐานด้านการติดตามธุรกรรมผิดปกติและคุณภาพบริการลูกค้าเพิ่มเติม

โพรงใหญ่ธุรกิจทองคำ: ไม่มีใครกำกับ – ธปท.มองไม่เห็นข้อมูลในประเทศ

อีกหนึ่งจุดเปราะบางที่แทบไม่เคยถูกพูดถึงคือ “ธุรกิจทองคำในประเทศไทย” ซึ่งผู้ว่าฯ วิทัยระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัจจุบันทองคำเป็นธุรกิจที่ “ไม่มีการกำกับดูแล” ทำให้ ธปท. ไม่เห็นข้อมูลการซื้อขายทองคำในประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายหน้าร้าน หรือผ่านแพลตฟอร์มและแอปเทรดทอง

ข้อมูลที่ ธปท. มีอยู่จำกัดเฉพาะธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (FX) ที่เกิดขึ้นระหว่างร้านทองและธนาคารพาณิชย์เท่านั้น ขณะที่ธุรกรรมทองคำจริงจำนวนมากเกิดขึ้นผ่านการซื้อขายกับตลาดต่างประเทศผ่านบริษัทในเครือ หรือแม้กระทั่งผ่านคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่ง ธปท. ไม่สามารถติดตามได้

ธุรกรรมทองคำยังมีผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินบาท เนื่องจากร้านทองต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการทำ “สแควร์โพสิชัน” ทั้งทองคำและเงินตราต่างประเทศ จึงมีความเคลื่อนไหว FX ในปริมาณสูง หากไม่มีข้อมูลเพียงพอ ธปท. ย่อมยากที่จะประเมินแรงกดดันต่อค่าเงินในช่วงเวลาสำคัญ ธปท. จึงอยู่ระหว่างการปรับประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อขยายอำนาจในการเข้าถึงข้อมูล และกำกับดูแลธุรกรรม FX ที่เชื่อมโยงกับทองคำให้ใกล้เคียงรูปแบบธุรกิจการเงินมากขึ้น

ค่าเงินบาทผันผวนไม่ใช่เพราะ ธปท. นิ่งดูดาย

ในประเด็นค่าเงินบาท ผู้ว่าฯ วิทัยชี้ว่า ความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากการที่ ธปท. “ไม่ทำอะไร” แต่เป็นผลมาจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าราว 7% ประกอบกับการเร่งส่งออกในต้นปีของไทยเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทำให้เกิดดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าโดยธรรมชาติ แม้ ธปท. ต้องการเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงเพื่อสะท้อนเศรษฐกิจจริง แต่การแทรกแซงโดยตรงมีข้อจำกัดจากเกณฑ์ของสหรัฐฯ ที่ห้ามซื้อขาย FX เกิน 2% ของ GDP ภายใน 12 เดือน ทำให้การแทรกแซงทำได้เพียงเพื่อลดความผันผวน ไม่ใช่พลิกทิศค่าเงินเหมือนที่หลายฝ่ายคาดหวัง

ส่วนข้อเสนอให้ ธปท. ใช้เครื่องมือ QE ผู้ว่าฯ ชี้ชัดว่าไม่เหมาะกับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพราะ QE มุ่งลดดอกเบี้ยระยะยาว ขณะที่ตลาดทุนไทยพึ่งพาระบบธนาคาร และหุ้นกู้ส่วนใหญ่มีอายุสั้น ไม่เกิน 10 ปี การอัดฉีดเงินผ่านการซื้อพันธบัตรจึงไม่เกิดผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ อีกทั้งหากความต้องการกู้ไม่เพิ่ม เงินที่อัดเข้ามาจะไหลกลับเข้าสู่ระบบรีเวิร์สรีโป (RP) ของ ธปท. ทันที กลายเป็นต้นทุนที่ไม่จำเป็นของระบบการเงิน

ด้านนโยบายการเงิน ผู้ว่าฯ ย้ำว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองเห็นปัญหาเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จึงได้ลดดอกเบี้ยลงรวม 1% ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้จุดยืนนโยบายการเงินผ่อนคลายเพียงพอ แต่ยืนยันว่า สาเหตุหลักของการเติบโตต่ำไม่ได้มาจากดอกเบี้ย หากเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขีดความสามารถในการแข่งขัน และความไม่แน่นอนด้านการลงทุน ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังมี “ช่องว่าง” ที่จะลดดอกเบี้ยได้ หากพบว่าจำเป็นต่อการประคับประคองเศรษฐกิจ แต่ทั้งหมดต้องประเมินจากข้อมูลจริงและสภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น ไม่ใช่การตอบสนองทางอารมณ์ของตลาดหรือความคาดหวังของนักการเมือง

ปฏิบัติการสกัดทุนเทาครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการกำกับธุรกรรมผิดกฎหมาย แต่คือการยกเครื่องระบบการเงินไทยให้โปร่งใสขึ้นในหลายมิติ ตั้งแต่นโยบายกำกับดูแลผู้ให้บริการการเงินยุคดิจิทัล การจัดระเบียบทองคำ ไปจนถึงการสร้างฐานข้อมูลเส้นทางเงินที่ทันสมัยและครอบคลุมมากกว่าเดิม ทุกขั้นตอนล้วนเป็นการปิดประตูให้ทุนเทา และลดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบการเงินไทยในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม.