โบรกคาด GDP ไทยปี 69 โตเพียง 1.6-1.7% ชี้รอยต่อทางการเมือง กดดันเบิกจ่ายงบรัฐ

21 พ.ย. 2568 | 01:00 น.

กูรูส่องเศรษฐกิจไทยปี 69 มีโอกาสชะลอตัวลง เหลือ 1.6-1.7% หลังการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว การเลือกตั้งกระทบงบประมาณ-เบิกจ่ายภาครัฐ

KEY

POINTS

  • บล. ยูโอบี เคย์เฮียน คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2569 จะชะลอตัวลง โดย GDP จะขยายตัวเพียง 1.6-1.7%
  • ปัจจัยกดดันสำคัญคือช่วงรอยต่อทางการเมืองหลังการเลือกตั้งในไตรมาส 2 ปี 2569 ซึ่งอาจทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า
  • การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประเทศคู่ค้าเร่งนำเข้าสินค้าไปแล้วเพื่อลดความเสี่ยงด้านภาษี

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2569 ว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีโอกาสที่จะชะลอตัวลง โดยคาด GDP ไทยไว้ที่ประมาณ 1.6-1.7%

แม้ว่าจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของทาง 3 หน่วงงานภาครัฐสำคัญ คาดการณ์อัตราการขยายตัวของ GDP ประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-2.2% แต่มองว่าปัจจัยสำคัญที่อาจเข้ามาถ่วง GDP ปี 2569 คือเรื่องของการส่งออกที่มีโอกาสชะลอตัวลง

ต้องยอมรับว่าสัดส่วนการส่งออกของไทยคิดเป็นกว่า 60% ของ GDP ประเทศ แม้ในปี 2568 จะขยายตัวได้สูงถึงกว่า 10% แต่จากการที่คู่ค้าต่างประเทศเร่งนำเข้าสินค้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกที่ลดลงในครึ่งปีหลัง

และมีแนวโน้มว่าการส่งออกจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในปี 2569 ส่งผลให้ไม่กล้าที่จะคาดหวังว่าการส่งออกในปีหน้าจะปรับตัวได้ดีเหมือนเช่นครึ่งแรกปีนี้ และมีความเป็นไปได้ที่ภาพของการส่งออกอาจคล้ายคลึงกับช่วงปี 2564-2565 ที่เห็นการติดลบลงถึง 2-3%

ด้านการบริโภคมองว่าอาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนัก แต่ที่น่าจับตาที่สุดคือเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ เนื่องด้วยในช่วงไตรมาส 2/2569 จะเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้ง ทำให้คาบเกี่ยวกับการทำงบประมาณ

หากว่ารัฐบาลชุดใหม่สามารถจัดตั้งวางตำแหน่งรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ได้ทัน งบก็อาจไม่สะดุด แต่จากบทเรียนในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาการแต่งตั้งรัฐมนตรีมักเกิดขึ้น และหากว่ายังมีการปรับเปลี่ยน โยกย้าย หรือถอดถอน ก็อาจกระทบให้งบประมาณปี 2570 เบิกจ่ายได้ไม่ทัน หรือไม่มากเท่าที่ควร

ในแง่ของการลงทุนของภาคเอกชนนั้น แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจะเดินหน้าในการกระตุ้นและส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนจริงอาจไม่ได้สูงมากจนกระทั่งผลักดันการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยได้

โดยเฉพาะโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ เพราะการลงทุนส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าซึ่งต้องจัดซื้อจากต่างประเทศ ในขณะที่การลงทุนที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง แรงงานนั้น คิดเป็นสัดส่วนของการลงทุนที่น้อยมากเพราะใช้จ่ายไม่เยอะ เพียงแต่การดึงดูดการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ข้อดีคือช่วยพัฒนาและยกระดับศักยภาพให้กับประเทศได้ในอนาคต