ท่ามกลางการเจรจา FTA ไทย - เกาหลีใต้ หรือเรียกว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (CEPA) ไทย – เกาหลีใต้ ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2025 สถานเอกอัครราชทูตไทยในเกาหลีใต้ ร่วมกับ Herald Media Group และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานสัมนา Ignite Thailand-Korea Business Forum 2025 โดยมีเอกชนรายใหญ่จากเกาหลีใต้ (แชโบล) เยือนไทยมากกว่า 100 ราย เช่น Samsung , Hyundai , LG และอื่น ๆ
โดยภายในงานได้มีการจัด Session พิเศษ หัวข้อ Korea-Thailand Comprehensive Economic Partnership Agreement (CEPA) ซึ่งมีการอัพเดตการเจรจา FTA ฉบับนี้จากผู้ที่รับผิดชอบการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวปาฐกถาว่า การทำ FTA เป็นอีกหนึ่งประตูสำคัญทำให้เกิดการขยายการค้าการลงทุนมากขึ้น ในฐานะที่ ไทย-เกาหลี เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยการเจรจาจะต้องออกมาในรูปแบบ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย
“ข้อตกลงจะทันสมัยและเป็นสากล สอดคล้องกับบริบทระหว่างประเทศ เน้นการทำงานให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ จะมีการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานซึ่งกันและกัน พัฒนานวัตกรรม อุตสาหกรรมการสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี”
โดยประโยชน์ของข้อตกลง CEPA จากผลการศึกษาพบว่า จะทำให้ GDP ไทย เติบโตขึ้น 1-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าที่ไทยจะได้รับอานิสงส์จากการส่งออกมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง ทุเรียน , มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง , เนื้อไก่และเนื้อไก่แปรรูป , ซอสและอาหารพร้อมรับประทาน , ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ด้านการบริการ โรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ขณะที่ฝั่งของเกาหลีใต้เอง จะได้อานิสงส์จากการเจรจา FTA ครั้งนี้ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน , เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์จากเหล็ก , ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนภาคบริการ ได้แก่ บริการด้านการขนส่ง โรงแรมและร้านอาหาร รวมถึง Warehouse Service
“เกาหลีใต้อาจจะนำเข้าสินค้าจากไทยไปเป็นส่วนการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 เช่น พาร์ติเคิลบอร์ด (Particle Board) ที่สามารถนำไปผลิตได้และส่งออกในรูปแบบสินค้าปลายน้ำได้ รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่ไทยสามารถเข้าไปเป็น Supply Chain ให้กับเกาหลีได้ ผ่านการพัฒนากระบวนการผลิตร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ไทยยังต้องเจรจากับเกาหลีใต้ต่อเนื่อง เพื่อลงรายละเอียดของ FTA ให้มีความสอดคล้องกับอุตสาหกรรม 4.0 ที่ไทยต้องการปรับเปลี่ยน เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล ความปลอดภัยทางเซเบอร์ การพัฒนาด้านข้อมูลและเอไอ รวมถึงข้อตกลงจะต้องคำนึงถึงหลัก BCG อีกด้วย
ด้าน Ms.Kwon Hye-jin Deputy minister for trade negotiations at the Trade Ministry กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทเกาหลีมากกว่า 400 รายที่ลงทุนในไทย มีโครงสร้างการค้าที่ส่งเสริมกัน ทั้งสินค้ากลางต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยการเจรจา CEPA เพื่อสนับสนุนการผลิตสินค้าของไทย และสนับสนุนการค้าทั้ง 2 ประเทศได้
ส่วนสถานะความคืบหน้าการเจรจา CEPA นั้น กำลังคืบหน้าเป็นอย่างมาก มีทั้งหมด 24 Chapter และมีการพูดคุยถึง ดิจิทัลเทรด Supply Chain , Sustainable ซึ่งจะทำให้ทั้งประเทศไทยกับประเทศเกาหลี สามารถแข่งจันได้ทั้งในระดับเอเชีย และระดับโลก การค้าจะเสรีมากขึ้น จะมีการแก้ไขกฎระเบียบให้ง่ายขึ้นผ่านการเจรจาที่มีมาตรฐานสูง
สำหรับเกาหลีใต้ในปัจจุบัน มี FTA ทั้งหมด 22 ฉบับ กับ 59 ประเทศทั่วโลก คลอบคลุม 85% ของ GDP โลก เป็นอันดับที่ 2 รองจากสิงคโปร์ที่มี FTA คลอบคลุม 88% ของ GDP โลก โดยมีข้อตกลงกับประเทศกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่ทั้ง จีน , สหรัฐฯ , สหภาพยุโรป (EU) และอาเซียน และล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพิ่งทำข้อตกลง FTA กับ เอกวาดอร์ (SECA)