เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าภาวะรถติดหล่ม เอกชนจี้รัฐลดต้นทุนพลังงาน-แกัปัญหากีดกันการค้า

19 พ.ย. 2568 | 04:34 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2568 | 04:34 น.

ส.อ.ท.ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะรถติดหล่ม หลังสศช.ประกาศตัวเลขจีดีพีทั้งปีโต 2% จี้รัฐลดต้นทุนพลังงาน-แกัปัญหากีดกันการค้า

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อเนื่องและเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้ภาคเอกชนกังวลว่ากำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะงักงันหรือ "รถติดหล่ม"
  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการลดต้นทุนด้านพลังงานเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการ
  • เสนอให้ภาครัฐแก้ไขปัญหากีดกันทางการค้า พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงประเด็นที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี (GDP) ประเทศไทย โดยระบุว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวเพียง 1.2% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 1.5–1.7% 

และภาพรวมทั้งปีที่คาดว่าจะโตประมาณ 2% ตามที่ สศช.เป็นตัวเลขที่คณะกรรมการร่วมภาคเอน 3 สถาบัน (กกร.) คาดการณ์ไว้ โดยสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวต่อเนื่อง จนเสี่ยงตกอยู่ในภาวะรถติดหล่มหากไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

แม้ภาพรวมยังมีความท้าทาย แต่ไทยยังมีโอกาสพลิกเกมทั้งการผลักดันอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) และดิจิทัล รวมถึงนโยบาย Quick Big Win ของภาครัฐ ซึ่งอาจช่วยดึงเศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้ หากลงมือทันเวลา

อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจยังขยายตัว แต่เผชิญข้อจำกัดสำคัญ เช่น กำลังซื้อในประเทศอ่อนแรง หนี้ครัวเรือนสูง และการบริโภค–การลงทุนของรัฐที่ชะลอลงตามที่ สศช. รายงาน 

อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า ความตึงเครียดระหว่างประเทศ และโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่จำเป็นต้องเร่งปรับตัว

เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าภาวะรถติดหล่ม เอกชนจี้รัฐลดต้นทุนพลังงาน-แกัปัญหากีดกันการค้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของ สศช. ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2569 จะโตเพียง 1.2–2.2% ยิ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าประเทศไทยไม่สามารถนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป

ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งสปีดในการทำมาตรการสนับสนุน เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม ลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถให้เอสเอ็มอี (SMEs)  รวมถึงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน แก้ปัญหากีดกันทางการค้า

หากภาครัฐดำเนินมาตรการต่าง ๆ ล่าช้าเกินไป ผลที่ตามมา คือ ไทยอาจสูญเสียจังหวะในการแข่งขันกับประเทศอื่นที่ขยับตัวเร็วกว่า หากปรับตัวไม่ทันทั้งภาคการผลิต การส่งออก และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศก็จะอ่อนแรงลง ส่งผลให้ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยถูกจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกันประเทศคู่แข่งในภูมิภาคกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยี ปรับปรุงกระบวนการผลิต และออกนโยบายดึงดูดนักลงทุนอย่างเข้มข้น หากไทยไม่ตอบสนองอย่างทันท่วงที ก็เสี่ยงทำให้ต่างชาติหันไปลงทุนที่อื่นแทน ซึ่งจะทำให้ไทยสูญเสียโอกาสสำคัญในการขยายภาคอุตสาหกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างการเติบโตระยะยาว