จับตาดอกเบี้ยขาลง - เงินเฟ้อสูง - ดอลลาร์อ่อน หนุนราคาทองคำทะยาน 61,300 บาท

08 ต.ค. 2568 | 23:00 น.

กูรูส่งสัญญาณบวกราคาทองยังไปต่อ ลุ้นแตะ 61,300 บาท รับแรงหนุนดอกเบี้ยขาลง - เงินเฟ้อสูง - ดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่กองทุน ETF - ธนาคารกลางแห่สะสม หนุนทองคำทะยาน แนะทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว แนวรับ 58,700 บาท

KEY

POINTS

  • ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นแตะ 61,300 บาท โดยมีปัจจัยหนุนหลัก 3 ประการคือ แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง, ภาวะเงินเฟ้อสูง และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
  • การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลงและเพิ่มความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมายและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า หลังจากราคาทองคำพุ่งแรงทะลุระดับ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 59,900 บาท

ท่ามกลางความคาดหวังว่ากระแสเงินลงทุนจะยังคงไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย และหากมีแรงหนุนต่อเนื่องราคาทองคำก็มีโอกาสแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในอนาคตอันใกล้ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 61,300 บาท โดยได้รับแรงหนุนจาก

1. วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง : โดยการที่เฟดเริ่มเข้าสู่รอบการปรับลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลง พร้อมกระตุ้นความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยให้เพิ่มขึ้น

2. เงินเฟ้อยังทรงตัวสูงกว่ากรอบเป้าหมายของเฟด : ต่อกรณีดังกล่าวส่งผลให้ทองคำยังโดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสกุลเงิน

3. ดอลลาร์อ่อนค่าและความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ : จากสถานการณ์ชัตดาวน์รัฐบาลกลางและแรงกดดันต่อเฟด ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ลดลง และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนหันกลับมาถือทองคำมากขึ้น

นอกจากนี้ การมีแรงซื้อจากภาคเอกชน โดยเฉพาะกองทุน ETF ยังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการเพิ่มการถือครองทองคำกว่า 100 ตัน ซึ่งสูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี

ประกอบกับธนาคารกลางหลายประเทศยังคงเดินหน้าสะสมทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองระหว่างประเทศ ขณะที่ประเทศจีนยังคงเดินหน้าเร่งผลักดันบทบาทของเงินหยวนและสร้างเครือข่ายการจัดเก็บทองคำในภูมิภาคเอเชีย เพื่อตอกย้ำสถานะของตัวเองในตลาดโลก

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายประเมินว่า ภาพรวมราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเชิงบวก โดยมองเชิงจิตวิทยาว่าราคาทองลุ้นแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อทั้งกองทุนและธนาคารกลางยังดำเนินต่อไป

ส่วนกลยุทธ์ระยะสั้น ในสัปดาห์นี้แนะให้ติดตามสถานการณ์การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ  ทั้งนี้ หากการปิดทำการยืดเยื้อจะเป็นปัจจัยบวก แต่หากมีข้อตกลงเปิดทำการขึ้นมาใหม่ อาจนำไปสู่แรงขายทำกำไรระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม หากราคาย่อตัวแต่ยังยืนเหนือ 3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 58,700 บาท ยังมองเป็นการย่อระยะสั้นเพื่อไปต่อ และมีแนวรับสำหรับย่อซื้อที่ 3,900 - 3,845 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 59,900 - 59,200 บาท)

ส่วนการปรับตัวขึ้นแนวต้านสำคัญในสัปดาห์นี้คือ ระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยประมาณ 61,300 บาท