'ฮั่วเซ่งเฮง' เผยไตรมาส 4/68 ดีมานด์ทองไทยพุ่ง ชี้สิ้นปีมีลุ้นราคาทองทะลุ 56,000 บาท

11 ก.ย. 2568 | 23:30 น.

ทองคำยังคงเป็นขาขึ้น! ฮั่วเซ่งเฮงชี้ไตรมาส 4/68 มีลุ้นแตะ 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ รับแรงหนุนจากเฟดหั่นดอกเบี้ย ดอลลาร์อ่อนค่า และแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก พร้อมประเมินราคาทองในประเทศปลายปีเฉลี่ย 56,000 บาท

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาทองคำในช่วงไตรมาส 4/2568 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยทั้งปีนี้ประเมินแนวต้าน 3,780 ดอลลาร์/ออนซ์ จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ประกอบกับด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่ประกาศออกมายังคงมีความอ่อนแออยู่มาก บวกกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ส่งผลให้คาดการณ์ว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกราว 1 - 2 ครั้งในช่วงที่เหลือปีนี้ และความไม่แน่นอนของนโยบายต่างๆ ของเฟด

ในขณะเดียวกันสงครามภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ยังต้องติดตามต่อว่าจะปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่ในอนาคต เพราะมีผลต่อการสร้างความผันผวนให้ตลาดการเงินได้ รวมถึงแรงซื้อของกองทุนทองคำ ETF และธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งประมาณครึ่งปีมียอดซื้อกว่า 400 ตัน

โดยธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเริ่มลดบทบาทของค่าเงินดอลลาร์ลง และหันมาให้น้ำหนักในการเข้าซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตลาดคาดว่าธนาคารกลางจะเข้ามาซื้อทองคำยอดรวมสิ้นปี 2568 นี้ รวมประมาณ 900 ตัน

ขณะที่ราคาทองในประเทศปี 2568 นี้ มองเป้าหมายไว้ที่เฉลี่ยประมาณ 56,000 บาท เนื่องจากมีปัจจัยกดดันเรื่องเงินบาทแข็งค่า โดยบาทแข็งค่าเรื่อยๆ มองว่าเป็นผลดีจากการที่นักลงทุนมีกำลังซื้อในช่วงที่ราคาทองไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าทองคำในตลาดโลก ซึ่งทิศทางหลักของทองคำยังมีทิศทางขาขึ้น

นักลงทุนสามารถเลือกการลงทุนทองคำได้หลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบเงินบาท หรือเงินดอลลาร์ โดยนักลงทุนสามารถเปิดบัญชีฝากเงินเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (FCD) เพื่อเก็บกำไรสกุลเงินดอลลาร์ในช่วงเงินบาทแข็งค่า และสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ ส่วนเป้าหมายระยะยาว เลือกระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม และทยอยสะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความผันผวนของต้นทุน มากกว่าการหวังผลระยะสั้น

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง

สำหรับภาพรวมธุรกิจกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ในช่วงครึ่งแรกปี 2568 ที่ผ่านมามียอดขายทองคำที่สูงกว่ายอดขายทั้งปีก่อนหน้าที่ทำได้ราว 2.67 ล้านล้านบาท หลักๆ เป็นผลมาจากราคาทองคำที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ยังวางบทบาทเชิงรุกในการผลักดันไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางการค้าทองคำอาเซียน ผ่านการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมภูมิภาค ยกระดับทักษะฝีมือช่างทอง และลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมเรียกร้องความร่วมมือจากภาคเอกชน หน่วยงานกำกับ และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง

หากจะให้คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในปี 2569 อาจทำได้ยากในเวลานี้ เพราะมีปัจจัยในหลายๆ มิติที่ยังคงมีความผันผวนไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ รวมไปถึงสงครามการค้าและการเงิน