ก.ล.ต. เข้มยกระดับคุมคริปโตต่อเนื่อง ผลวิจัยพบ Bitkub ถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน

08 ก.ค. 2568 | 23:30 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2568 | 06:10 น.

โปรย ก.ล.ต. ยกระดับต่อเนื่องป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมออกมาตรการเข้ม KYC–AML เจาะลึกบัญชีม้า ดึงเครื่องมือ Smart Detection ตรวจสอบความเสี่ยงเรียลไทม์ สกัดทุนมืดไหลผ่านตลาดคริปโตไทย

จากผลงานวิจัยศึกษาการใช้เงินคริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) เพื่อสนับสนุนองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงรูปแบบ "Pig Butchering" (หลอกลวงผ่านความสัมพันธ์ออนไลน์) และการค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการวิเคราะห์ธุรกรรมคริปโตจากเหยื่อที่ตกเป็นเป้า

โดย Bitkub ถูกกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งใน exchange ที่มีเงินไหลเข้าสู่บัญชีของผู้ต้องสงสัย (scammer deposit addresses) จำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกรรมขนาดใหญ่ (มากกว่า \$100,000) ซึ่งหมายถึง Bitkub อาจมีมาตรการ KYC ที่ไม่เข้มงวดเท่ากับ exchange ในประเทศตะวันตก เช่น Coinbase หรือ Crypto.com และอาจอยู่นอกเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ

ส่งผลให้เกิดความกังวลใจว่า การตรวจสอบธุรกรรมและการระบุตัวตนผู้ใช้ของ exchange ในเอเชียยังไม่เข้มงวดเพียงพอหรือไม่ ทำให้องค์กรอาชญากรรมสามารถย้ายเงินได้ง่ายเกิดไป จำเป็นต้องมีการเพิ่มมาตรการป้องกันและติดตามธุรกรรมคริปโตอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการนำคริปโตไปใช้สนับสนุนอาชญากรรม 

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการสอบถามเรื่องการมาตรการตรวจสอบการฟอกเงิน ผ่าน exchange ไทยนั้น ก.ล.ต. มีการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องทำความรู้จักกับลูกค้า (KYC) เพื่อระบุตัวตนที่แท้จริงของลูกค้าหรือผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง

รวมทั้งจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่ง ก.ล.ต. ได้เข้าไปตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตามกระบวนการให้มีการดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว และหลักเกณฑ์ในเรื่องมาตรการจัดการบัญชีม้า

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูลกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งได้ร่วมประชุมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งประกอบด้วย

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
  • สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
  • กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาคมธนาคารไทย (TBA)
  • และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO)

เพื่อติดตามและกำหนดแนวทางในการดำเนินงานให้ผู้ประกอบธุรกิจมีมาตรฐาน ในการจัดการด้านการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต. (เช่น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล) เป็น สถาบันการเงิน ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ก.ล.ต. จึงกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ มีหน้าที่ทำ KYC และโดยที่ธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง

"ดังนั้น การทำ KYC เพื่อรับลูกค้าเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จึงเข้มที่สุดตามมาตรฐานของ ปปง. ทั้งนี้ การทำ KYC ของลูกค้าและการตรวจสอบธุรกรรมที่ต้องสงสัยของลูกค้าเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยในการป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางถ่ายเททรัพย์สินจากการกระทำความผิด"

ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับการป้องกันการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นช่องทางในการฟอกเงิน โดย ก.ล.ต. ได้ร่วมกับ TDO เพื่อจัดทำมาตรการจัดการบัญชีม้า (industry standard) เช่น การคัดกรอง ระงับ และจำกัดการให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นบัญชีม้าตามรายชื่อที่ได้รับจากภาคธนาคาร

รวมถึงมาตรการจำกัดวงเงินการถอนทรัพย์สินและการหน่วงการถอนทรัพย์สินตามความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมีหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว โดย ก.ล.ต. ได้มีการติดตามผลการดำเนินมาตรการการจัดการบัญชีม้าของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และมีการเข้าตรวจผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องตามความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลได้

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับ ปปง. เกี่ยวกับการแชร์รายชื่อม้าดำให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และประสานงานกับ TDO รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบ Central Fraud Registry (CFR) เพื่อให้เกิดการแชร์ข้อมูลบัญชีม้าระหว่างภาคธนาคารและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ตลอดจนอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศในการกำหนดมาตรฐานการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อรองรับข้อกำหนดเกี่ยวกับการร่วมรับผิดชอบแก่ผู้เสียหาย (Shared Responsibility) ตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2)

กดปุ่ม smart detection ดักความเสี่ยง

สำหรับคำถามเรื่อง smart detection เข้ามามีส่วนช่วยมากน้อยแค่ไหนนั้น ก.ล.ต. จะนำข้อมูลที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนำส่งต่อ ก.ล.ต. มาใช้ในการวิเคราะห์ติดตามการทำธุรกรรมต่างๆ ของลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงการปฏิบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้าน KYC และการจัดการบัญชีม้าของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งเครื่องมือ smart detection จะช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและติดตามธุรกรรมดังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ทาง ก.ล.ต. ได้รายงานเกี่ยวกับปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเก็บรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลต่อ ก.ล.ต. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

และการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านเครื่องมือ smart detection เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและลักษณะธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

โดยในช่วงเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจ เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเก็บรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลต่อ ก.ล.ต. รวมถึง ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงระบบการนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ปรับปรุงชุดข้อมูลและการเปิดเผยข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทและลักษณะธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านเครื่องมือในการติดตาม (smart detection)

รวมถึงการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ตลอดจนความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในภาพรวม ซึ่งสอดคล้องกับการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก (data-driven organization) ของ ก.ล.ต. โดยผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว 

ก.ล.ต. จึงออกประกาศ* เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. ปรับปรุงให้ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนดชุดข้อมูลที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องเก็บรวบรวมและเปิดเผยต่อ ก.ล.ต. ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการกำหนดชุดข้อมูล
  2. ปรับปรุงรายละเอียดชุดข้อมูลที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องเก็บรวบรวมและเปิดเผยต่อ ก.ล.ต. เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในการกำกับดูแลและการติดตามความเสี่ยงของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
  3. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับทางปฏิบัติ โดยยังคงสามารถติดตามความเสี่ยงได้อย่างเท่าทัน เช่น ปรับปรุงกรอบเวลาในการเก็บรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลต่อ ก.ล.ต. เป็นต้น

 

หมายเหตุ: 

  • ธปท. ได้มีการนิยามการจัดระดับบัญชีม้า แบ่งออกเป็น 3 สี ตามความเสี่ยง 
  • ม้าดำ คือ ผู้ที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่กระทำความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ของ ปปง.
  • ม้าเทา คือ ผู้ที่ถูกแจ้งความหรือแจ้งธนาคารว่าอยู่ในเส้นทางเงินและมีผู้ที่ได้รับความเสียหาย
  • ม้าน้ำตาล คือ คนที่ธนาคารเห็นว่าบัญชีธนาคารมีพฤติกรรมผิดปกติที่อาจเข้าข่ายเป็นบัญชีม้า และต้องเฝ้าระวัง