MTS Gold แม่ทองสุกแนะ ราคาทองย่อตัว  จังหวะเข้าซื้อ ชี้แนวโน้มยังขาขึ้น

15 มิ.ย. 2568 | 02:16 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2568 | 02:16 น.

MTS Gold แม่ทองสุกชี้ แนวโน้มราคาทองคำยังปรับขึ้น หลังธนาคารกลางหันมาเพิ่มน้ำหนักในทุนสำรอง หลังเงินดอลลาร์เสื่อมค่าลง จากปัญหาหนี้สาธารณะสหรัฐพุ่งสูงขึ้น อาจถึง 40 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อจบรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

เศรษฐกิจไทยปี 2568 ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการลงทุน

ทำให้การปรับตัวของนักลงทุนต้องพิจารณาการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น การลงทุนในทองคำ การพัฒนาตลาดการเงินที่ยั่งยืน และการพัฒนาเศรษฐกิจที่สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินในอนาคต 

MTS Gold แม่ทองสุกแนะ ราคาทองย่อตัว  จังหวะเข้าซื้อ ชี้แนวโน้มยังขาขึ้น

การมองไปข้างหน้าด้วยการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของตลาดทองคำและการปรับตัวของดอลลาร์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุนในปี 2568 โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยากจะคาดเดา

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุกเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งจากประมาณการณ์ของสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปีนี้จะอยู่ที่ 1.8% ซึ่งไตรมาสแรกขยายตัวไปแล้ว 3.1% ดังนั้นภาพรวมของไตรมาสที่เหลือจะชะลอตัวลงมาก จนถึงระดับต่ำช่วง 1%ต้นๆ 

MTS Gold แม่ทองสุกแนะ ราคาทองย่อตัว  จังหวะเข้าซื้อ ชี้แนวโน้มยังขาขึ้น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ยังปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกว่า จะขยายตัวลดลงเหลือ 3.1% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนๆ รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเองด้วย ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นผู้บริโภครายใหญ่และเผชิญกับปัญหาการขาดดุลการค้ามาโดยตลอดในช่วง 30-40 ปี

ทำให้รัฐบาลต้องปรับการบริหารการเงินอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีเพื่อเพิ่มรายได้จากภาษี ซึ่งทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับภาวะที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯที่สูง ส่งผลให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทะยานสูงขึ้นที่ระดับ 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 20%ของจีดีพี ขณะที่รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์เองไม่ยอมตัดลดงบประมาณลง โดยประมาณการว่าเมื่อจบรัฐบาลทรัมป์ จะทำให้หนี้สาธารณะสูงถึง 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทำให้ความเชื่อมั่นในพันธบัตรสหรัฐฯลดลง เพราะผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวจะลดลง จึงเกิดการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐออกมา  โดยเฉพาะจากธนาคารกลาง

สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(Yield Curve) ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะพันธบัตรอายุ 30ปี ขึ้นมาที่ 5% ไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน อายุ 10ปี yield อยู่ที่ 4.5% ทำให้เกิดคำถามว่า พันธบัตรที่จะออกใหม่ เพื่อคืนหนี้เดิมที่จะหมดอายุจะมีใครที่จะกล้าลงทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยอาจจะแค่ 1% หรือ 0.5%เท่านั้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์เสื่อมค่าลง

“การลดลงของค่าเงินดอลลาร์เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารการเงินของรัฐบาลทรัมป์ที่ส่งผลให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และการใช้นโยบายการเงินที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง” 

ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความไม่แน่นอน การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่างทองคำกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น นักลงทุนหันมาให้ความสนใจทองคำมากขึ้น เนื่องจากความด้อยเสน่ห์ของสกุลเงินดอลลาร์ที่เคยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในอดีต ลดลงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกลางที่เคยให้น้ำหนักทองคำในทุนสำรองประมาณ 2% ก็หันมาเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางของทุกประเทศในโลก ให้น้ำหนักทองคำประมาณ 2-3%   

จีนซึ่งถือว่า เป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก มีการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจีนอนุมัติให้กองทุนที่เกี่ยวข้องกับประกันชีวิตระยะยาวสามารถลงทุนในทองคำได้ ซึ่งเป็นการขยายการลงทุนในทองคำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้ การที่จีนเริ่มลงทุนในทองคำมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ทองคำจะยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย 

“เมื่อดีมานด์มีมากขึ้น ขณะที่ซัพพลายทองคำเท่าเดิม ราคาทองคำในปีนี้จึงปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงสองเดือนแรกของปี ราคาทองคำเพิ่มขึ้นถึง 30% ไปทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำในประเทศ ราคาก็ทำสถิติสูงสุดที่ 55,000 บาท”นพ.กฤชรัตน์กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำที่ย่อตัวลงในขณะนี้ประมาณ 3%  ทำให้เกิดคำถามว่า จะทำให้นักลงทุนที่เคยซื้อในช่วงสูงสุดนั้นจะติดดอยหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อ เพียงแต่ระยะสั้นอาจจะเหวี่ยงตัวขึ้นลงบ้าง เพราะรับข่าวไปมากแล้ว

แต่สิ่งที่มองคือ ภาษีทรัมป์ ไม่ว่าจะคุยกันได้ดีแค่ไหน ในที่สุดโลกต้องแบ่งเป็น 2 ขั้วคือ จีนกับสหรัฐอเมริกา เมื่อโลกแบ่งเป็น 2 ขั้ว การโอนเงินระหว่างประเทศก็ต้องแบ่งเป็น 2 ขั่้วด้วย แต่สินทรัพย์เดียวที่จะนำมาค้ำประกันได้คือ ทองคำ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางทั่วโลกให้การยอมรับ 

“ภาพรวมของธนาคารกลางทั่วโลก ส่วนใหญ่มีเงินดอลลาร์ บอนด์ สํารองอยู่ในคลัง 40-60% แค่ลดการสำรองตรงนี้ลง 5-10% มาถือทองคํา ราคาก็ขึ้นเยอะแล้ว ดังนั้นโอกาสที่ทองคําจะขึ้นต่อยังมี อาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า การเข้าซื้อช่วงราคาย่อลงจึงเป็นจังหวะที่เหมาะ”นพ.กฤชรัตน์กล่าว

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,105 วันที่ 15 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568