พันธบัตรออมทรัพย์: ทางเลือกสำหรับคนไทยที่อยากลงทุนปลอดภัย

24 พ.ค. 2568 | 02:30 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2568 | 03:13 น.

พันธบัตรออมทรัพย์ ทางเลือกลงทุนปลอดภัยจากรัฐบาล อันดับเครดิต BBB+ ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เริ่มต้นสร้างความมั่นคงทางการเงินวันนี้

ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารอยู่ในระดับต่ำ และความผันผวนของตลาดการเงินทำให้หลายคนกังวลใจ กระทรวงการคลังได้นำเสนอทางเลือกการลงทุนใหม่ที่ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน นั่นคือ "พันธบัตรออมทรัพย์" เครื่องมือการลงทุนที่ไม่เพียงแค่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศอีกด้วย

 

เมื่อการออมกลายเป็นการลงทุนเพื่อชาติ

พันธบัตรออมทรัพย์ไม่ใช่แค่เครื่องมือทางการเงินธรรมดา แต่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างความต้องการของประชาชนที่อยากมีความมั่นคงทางการเงิน กับความจำเป็นของประเทศที่ต้องระดมทุนเพื่อการพัฒนา นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เผยว่า "พันธบัตรออมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการระดมทุนของรัฐบาลที่มีนักลงทุนรายย่อยเป็นฐานนักลงทุนหลัก มีประโยชน์ในการกระจายฐานนักลงทุน เพื่อเป็นทางเลือกของประชาชนในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง"

การออกพันธบัตรออมทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การบริหารหนี้สาธารณะที่ทันสมัย โดยเน้นการกระจายเครื่องมือการระดมทุนและกลุ่มนักลงทุนให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มเสถียรภาพของระบบการเงินไทย

ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับอันดับเครดิต BBB+

สิ่งที่ทำให้พันธบัตรออมทรัพย์โดดเด่นคือระดับความปลอดภัยที่สูงมาก เนื่องจากมีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน และประเทศไทยมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ พร้อมมุมมองที่มีเสถียরภาพ (Stable Outlook) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและน่าลงทุน (Investment Grade)

ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ 12.08 ล้านล้านบาท หรือ 64.42% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 89.20% หนี้รัฐวิสาหกิจ 8.73% หนี้รัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจในภาคการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 1.34% และหนี้หน่วยงานของรัฐ 0.73% ยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% สะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงินการคลังที่รัดกุม และความสามารถในการชำระหนี้ที่เชื่อถือได้

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ประเทศไทยมีหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP อยู่ที่ 58.76% ซึ่งต่ำกว่าญี่ปุ่นที่ 234.86% มาเลเซียที่ 70.08% และใกล้เคียงกับฟิลิปปินส์ที่ 58.14% แสดงให้เห็นถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยั่งยืน

 

พันธบัตรออมทรัพย์: ทางเลือกสำหรับคนไทยที่อยากลงทุนปลอดภัย

เงินของคุณ สร้างอนาคตของประเทศ

สิ่งที่น่าสนใจของพันธบัตรออมทรัพย์คือการที่เงินลงทุนของประชาชนจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ประมาณ 79% ของยอดหนี้สาธารณะทั้งหมดเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งถูกนำไปใช้เพื่อการลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ

โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าที่สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม และโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและน้ำ

การพัฒนาพันธบัตรออมทรัพย์ยังสอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนแบบ ESG (Environmental Social and Governance) ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ทันสมัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

*หมายเหตุ: ข้อมูลสถานะหนี้สาธารณะที่นำเสนอเป็นข้อมูล ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 (ปีงบประมาณ 2568) ตามที่รายงานโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

 

เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุ

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของพันธบัตรออมทรัพย์คือการสร้างสังคมแห่งการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) ที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ การที่ประชาชนมีทางเลือกในการลงทุนที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินส่วนบุคคลและลดภาระของระบบสวัสดิการสังคมในอนาคต

พันธบัตรออมทรัพย์ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือการระดมทุนที่หลากหลายของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ที่เป็นเครื่องมือหลัก ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) สำหรับการระดมทุนระยะสั้น ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note) และสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) ที่มีความยืดหยุ่นในการเบิกจ่ายเงิน รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่เน้นลงทุนตามกรอบ ESG

 

นวัตกรรมการบริหารหนี้เพื่อความมั่นคง

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการหนี้อย่างเป็นระบบ ด้วยกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลาง (Medium-Term Debt Management Strategy) ที่ครอบคลุมการบริหารความเสี่ยงทางการเงินทั้ง 3 ด้าน คือ ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้

การระดมทุนในประเทศเป็นหลัก (99.11% เป็นหนี้ในประเทศ และ 0.89% เป็นหนี้ต่างประเทศ) ทำให้ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนต่ำ เมื่อแบ่งตามอายุคงเหลือ พบว่าเป็นหนี้ระยะยาว 87.27% และหนี้ระยะสั้น 12.73% ทำให้การจัดสรรงบประมาณในการชำระดอกเบี้ยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินของประชาชน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ดำเนินการบริหารหนี้สาธารณะอย่างรอบคอบและมีวินัย โดยยึดหลักการดำเนินการในเชิงรุก (Proactive Debt Management) และรักษาวินัยในการชำระหนี้อย่างเคร่งครัด

การชำระหนี้ครบถ้วน ถูกต้อง และตรงเวลามาอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยยังคงรักษาอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่ดี

 

ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับอนาคต

พันธบัตรออมทรัพย์จึงไม่เพียงแค่เป็นทางเลือกการลงทุนที่ปลอดภัย แต่ยังเป็นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เมื่อคุณลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ คุณไม่เพียงแต่ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนในอนาคต

การที่กระทรวงการคลังมีประสบการณ์ยาวนาน 150 ปี ในการบริหารการเงินการคลังของประเทศ ประกอบกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ ทำให้พันธบัตรออมทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือและคุ้มค่าสำหรับการวางแผนทางการเงินระยะยาวของทุกครอบครัวไทย

ในยุคที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องปกติ การมีทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงและโปร่งใส พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาประเทศ จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรพิจารณา พันธบัตรออมทรัพย์คือคำตอบสำหรับคนไทยที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประเทศไทย