ค่าเงินบาทปิดตลาดในประเทศวันที่ 18เม.ย.ที่ 33.43 บาทต่อดอลลาร์

18 เม.ย. 2568 | 11:45 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2568 | 12:03 น.

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินอื่น ในเอเชียและทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์สัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย. 2568

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 18เม.ย.ที่ระดับ 33.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียและทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งในวันนี้ ขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 1,336.03 ล้านบาท และ 586 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน หลังจากที่แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงตามสัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดที่เน้นย้ำกว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับดอกเบี้ย เพราะต้องการรอประเมินภาพที่ชัดเจนขึ้นจากผลกระทบของภาษีการค้าต่อแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ 

 

 

 

 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -23.26 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -20.38 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (21-25 เม.ย.) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนมี.ค. ของไทย การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ สถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

 

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) ดัชนีความเชื่อมั่นและการคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนเม.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. รายงาน Beige Book ของเฟด และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของ PBOC ผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษด้วยเช่นกัน