YLG ประเมินทองคำปรับฐานระยะสั้น แนะลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สอีกหนึ่งทางเลือก

10 เม.ย. 2568 | 09:22 น.
อัปเดตล่าสุด :10 เม.ย. 2568 | 09:49 น.

YLG ประเมินทองคำปรับฐานระยะสั้น สะสมกำลังขึ้นต่อ ระยะยาวมีหลายปัจจัยบวก จีน-สหรัฐขึ้นภาษีตอบโต้หนุนทองเพิ่มมีลุ้นแตะ 3,300-3,500ดอลลาร์ต่อออนซ์

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำผันผวนหลังจากปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3,167.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย. ขานรับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของสหรัฐ ที่อาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ทองคำได้ถูกแรงขายทำกำไร เนื่องจากทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ได้พุ่งขึ้นขานรับประเด็นดังกล่าวมาตลอดเกือบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแล้ว จึงเกิดการ Sell on fact ในภายหลัง จนราคาปรับตัวลดลง 210 ดอลลาร์ต่อออนซ์

หรือลดลง 6.63% สู่ระดับ 2,956.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันจันทร์ที่ 7 เม.ย.  อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ถือว่าทองคำยังคงยืดหยุ่นกว่าอย่างมาก และแม้ราคาจะปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว แต่นับจากต้นปีมาถึงราคาปิดวันที่ 9 เม.ย. ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นถึง 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.48% 

สำหรับความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นนี้ มีปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ที่เริ่มบานปลายจากการตอบโต้ของทางฝั่งจีน จนนำไปสู่การกประกาศตัวเลขอัตราการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจนท้ายที่สุดจีนโดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีมากถึงอัตรา 125%  อย่างไรก็ดี YLG ประเมินไว้ 2 แนวทาง ดังนี้

1.หากแต่ละประเทศเข้าเจรจาผ่อนปรนภาษีแต่เจรจาไม่สำเร็จ ส่งผลให้ยกระดับความตึงเครียด และสถานการณ์ยืดเยื้อ กรณีนี้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย  หรือ 

อย่างเลวร้ายจะเข้าสู่สภาวะ Stagflation  ผลกระทบต่อทองคำ  คือ  ทองคำจะปรับตัวลงในระยะแรกจากความต้องการเงินท่ามกลาง Risk-off  ก่อนจะปรับตัวขึ้นแรงจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  กรณีนี้จะหนุนทองคำได้อย่างมากในระยะถัดๆไป  โดยมีเป้าหมายทองคำที่ระดับ 3,300-3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

2. ขณะเดียวกันหากแต่ละประเทศสามารถเจรจาและหาทางออกร่วมกันได้และลดความตึงเครียดลง กรณีนี้ สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาปรับตัวสูงขึ้น  ซึ่งจะบั่นทอนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ดีมองว่าทองคำจะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเดิม  ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ยังคงหนุนทองคำ เพียงแค่ Upside อาจน้อยกว่ากรณีแรก  กรณีนี้ให้เป้าหมายทองคำไว้ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้มองว่าแรงขายทำกำไรทองคำยังมาจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี จึงเกิดแรงขายทำกำไรและเป็นแรงขายเพื่อถือเงินสด  และโยกเงินเติมมาร์จิ้นและชดเชยผลขาดทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นคาดว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงปฏิกิริยาระยะสั้นเท่านั้น 

ช่นเดียวกับครั้งที่ทองคำเคยถูกเทขายลงมาพร้อมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ช่วงการระบาดของ COVID-19  และที่สำคัญคือ ทองคำยังไม่สูญเสียสถานะของสินทรัพย์ปลอดภัยแต่อย่างใด  เพียงแต่แรงขายในตลาดทองคำส่งผลให้มุมมองเทคนิคระยะกลางเข้าสู่ช่วงของการพักฐานในระยะกลาง สะสมกำลังเพื่อปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว  ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต่อทองคำยังไม่เปลี่ยนแปลง 

YLG จึงประเมินว่าการพักตัวของทองคำในระยะกลางจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวในการกลับเข้าสะสมทองคำอีกครั้งเมื่อราคาย่อตัวลง เนื่องจากความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิด Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม

หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย  จะส่งผลให้เฟดต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงิน  ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย  หรือ ยุติการทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ และจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำได้อย่างมากในปี 2025 

นอกจากนี้นักลงทุนยังสมารถลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด

YLG ประเมินทองคำปรับฐานระยะสั้น แนะลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สอีกหนึ่งทางเลือก

ล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน Trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน

1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile

2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค

3.การแจ้งเตือนราคา

4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้

5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก