รัฐได้ผู้ลงทุนท่อนํ้ามันครบ เหนือ/อีสานถูกลง 40สตางค์

09 มิ.ย. 2559 | 05:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

กรมธุรกิจพลังงาน จี้เอสซี ทำแผนลงทุนท่อส่งน้ำมันภาคอีสาน มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท มาเสนอ เพื่อนำไปสู่การลงนามเอ็มโอยู เป็นใบเบิกทางทำธุรกิจ หลังท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือเดินหน้าก่อสร้างแล้ว คาดเสร็จภายในปี 2561 ยันทั้ง 2 โครงการจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันลงได้ 30-40 สตางค์ต่อลิตร

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือ แทปไลน์ (บอร์ด) เห็นชอบให้บริษัท เอสซี กรุ๊ป จำกัด เชื่อมต่อท่อขนส่งน้ำมันของแทปไลน์ที่จังหวัดสระบุรี เพื่อเดินหน้าลงทุนโครงการท่อส่งน้ำมันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) จากสระบุรี-นครราชสีมา-ขอนแก่นนั้น ซึ่งขณะนี้กรมธุรกิจพลังงาน ยังไม่ได้รับหนังสือหรือการยืนยันจากบริษัท เอสซีฯ แต่อย่างไร

โดยเข้าใจว่าทางแทปไลน์ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าแจ้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ก่อน และหลังจากนั้น ทางเอสซีถึงจะส่งแผนการดำเนินงานด้านการลงทุนให้กรมรับทราบ เพื่อนำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูกับกรมต่อไป เพื่อเป็นการการันตีว่า โครงการดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านต่างๆ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวเกิดได้ภายในปี 2562 จะช่วยให้การขนส่งโดยรถบรรทุกน้ำมันในระยะไกลลดลงมา 50 % ของรถบรรทุกน้ำมันทางภาคอีสานที่มีอยู่

ส่วนโครงการท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ(บางปะอิน-ลำปาง) ของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (เอฟพีที) จะต่อขยายจากระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อเดิมที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแบ่งการลงทุนเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 อ.บางปะอิน -จ.กำแพงเพชร ระยะทาง 350 กิโลเมตร และระยะที่ 2 จ.กำแพงเพชร - จ.ลำปาง ระยะทาง 220 กิโลเมตร โดยมีคลังน้ำมันปลายทางที่ จ.พิจิตร และ จ.ลำปาง ใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 7.5 พันล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าโครงการลงทุนก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเสร็จไม่เกินปี 2561

ทั้งนี้ หากโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันทั้ง 2 เส้นดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยให้ต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันใกล้เคียงกับราคาในเขตกรุงเทพมหานคร หรือทำให้ราคาขายปลีกลดลงได้ประมาณ 30-40 สตางค์ต่อลิตร โดยผลการศึกษาเดิมชี้ให้เห็นว่า ทั้ง 2 โครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งในภาคอีสานได้ 1.851 พันล้านบาทต่อปี ลดการใช้น้ำมันขนส่งได้ 21 ล้านลิตร ส่วนท่อน้ำมันภาคเหนือจะลดค่าขนส่งได้ 1.534 ล้านบาทต่อปี ลดการใช้น้ำมัน 19 ล้านลิตร หากรวมมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ทั้งหมดแล้วภายใน 25 ปีจะช่วยลดค่าขนส่งทั้งระบบได้กว่า 6.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลดค่าขนส่งน้ำมันได้ 4.2014 หมื่นล้านบาท ประหยัดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐศาสตร์จากการขนส่งได้ 1.9422 หมื่นล้านบาท ลดการสูญเสียน้ำมัน 3.416 พันล้านบาท และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ 301 ล้านบาท รวมทั้งจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1.532 แสนตันต่อปี เป็นต้น

แหล่งข่าวจากบริษัท เอสซี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแทปไลน์ บริษัทจะเสนอแผนลงทุนกับทางกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) อีกครั้ง เพื่อยืนยันการลงทุน เบื้องต้นแผนยังคงเดิม คือเริ่มจาก จ.สระบุรี-ขอนแก่น มีระยะทาง 340 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,164 วันที่ 9 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559