จับตาเงินทุนต่างชาติ-จีดีพีQ4/65 ปัจจัยชี้ทิศหุ้นไทยสัปดาห์หน้า

12 ก.พ. 2566 | 00:30 น.

บล.กสิกรไทย ประเมินดัชนีหุ้นไทย SET สัปดาห์หน้า (13-17 ก.พ.66 ) แกว่งกรอบ 1,635 - 1,700 จุด จับทิศเงินทุนต่างชาติ และประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส4/65

 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด  ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET index) สัปดาห์หน้า (13-17 ก.พ.66 ) ที่แนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ 

โดยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ของบจ. ไทย รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ  ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน
 

 

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 6-10 ก.พ.66 ) ร่วงลงตลอดสัปดาห์ แต่ยังไม่หลุดแนว 1,600 จุด ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยลบหลักๆ มาจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ 

นอกจากนี้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่ออกมาน่าผิดหวัง อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโรงกลั่นน้ำมัน มีส่วนกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมเช่นเดียวกัน

 

โดยดัชนี SET ปิดท้ายสัปดาห์ ( 10 ก.พ.66 ) ที่ระดับ 1,664.57 จุด ลดลง 1.41% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,467.07 ล้านบาท ลดลง 9.21% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.09% มาปิดที่ระดับ 606.55 จุด

มูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน ( 6-10 ก.พ.66) 

  • ต่างชาติขายสุทธิ 14,754.51 ล้านบาท ( มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 เป็นต้นมา สถานะขายสุทธิ 1,483.76 ล้านบาท )
  • สถาบันซื้อสุทธิ  256.96 ล้านบาท (มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 เป็นต้นมา สถานะขายสุทธิ 19,688.33 ล้านบาท )  
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,294.01 ล้านบาท (มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 เป็นต้นมา สถานะซื้อสุทธิ 7,174.24 ล้านบาท)  
  • รายย่อยซื้อสุทธิ 13,203.55  ล้านบาท  ( มูลค่าสะสมตั้งแต่ต้นปี 66 เป็นต้นมา สถานะซื้อสุทธิ 13,997.85 ล้านบาท )