กรุงเทพประกันชีวิตปรับพอร์ตลงทุนปี2566

17 ธ.ค. 2565 | 03:28 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2565 | 10:28 น.

กรุงเทพประกันชีวิตปรับพอร์ตลงทุนปี2566 เล็งลดสัดส่วนกองรีท เหลือ4.5%จากเดิมอยู่ที่ 6.5%เพิ่มลงทุน"พันธบัตรรัฐบาล -หุ้นกู้" เกิน 80%พร้อมขยายบทบาทด้านสิ่งแวดล้อม

นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทยังคงเดินหน้าตามทิศทางการดำเนินธุรกิจตาม แผน 3 ปี (2565-2567)โดยมุ่งเน้น 5 มิดิหลักได้แก่

1.บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ(Excellent  Health Services)

 

2.ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม(Wealth)

 

3.ทุกกระบวนการรับประกันในรูปแบบดิจิทัลภายใน 5ปี(Digital Insurance)

 

4.การเพิ่มช่องทางการขาย(Channel)

 

5. ให้ความรู้ทางการเงินเพื่อวางแผนชีวิตให้มั่นคงและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน   (Social  Responsibility)

 

สำหรับแนวนโยบายด้านการลงทุนนั้น บริษัทเน้นการลงทุนระยะยาว  แต่จะปรับพอร์ตการลงทุนในกองรีท โดยสัดส่วนเหลือ 4% จากเดิมอยู่ที่ 6.5%โดยจะเพิ่มสัดส่วนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และ หุ้นกู้เกิน 80%

 

"การปรับลดสัดส่วนพอร์ตการลงทุนจากกองรีทนั้น เพราะต้องการลดความเสี่ยงและหาผลตอบแทน เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อกองรีทหมดสัญญาเช่าจะมีปัญหาเรื่องการเช่าสินทรัพย์ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะจัดกองใหม่"

 

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าเพิ่ม ตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงินให้เติบโต20-30%ต่อปีเฉลี่ย 1,800-2,000คนโดยในปี 2566 จะมีการคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนประมาณ 3,000 คน โดยในจำนวนนี้ประมาณ 1,000 คนจะเป็นการคัดเลือกเข้าโครงการ Smart  Agent

 

นอกจากนี้บริษัทจะยังมีแผนในการขยายบทบาทในการช่วยเหลือสังคมและให้ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมด้วยจิตสำนึกการดูแลสิ่งแวดล้อมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย บริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

กรุงเทพประกันชีวิตปรับพอร์ตลงทุนปี2566

นายโชนกล่าวถึงภาพรวมตลาดประกันชีวิต ณ สิ้นเดือน ตุลาคม ปี 2565 โดยระบุว่า เบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 486,624.9 ล้านบาท ลดลง -0.5% และมีเบี้ยปีแรก ลดลง -0.20% โดยมีภาพรวมการเติบโตแต่ละช่องทางแบ่งเป็น ช่องทางตัวแทน ขยายตัว 10.1% ช่องทางธนาคาร ลดลง -5.8% ช่องทางอื่นๆ ขยายตัว 0.7% ช่องทางดิจิทัล ลดลง -11%

ในส่วนของบมจ.กรุงเทพประกันชีวิตทั้งปี2565  บริษัทมั่นใจว่าจะสมารถทำเบี้ยรับรวมได้ตามเป้า 35,800 ล้านบาท (โดยสิ้นเดือนตุลาคมเบี้ยรับรวมอยู่ที่30,195.44ล้านบาทลดลง 1.20%) ขณะที่ 10เดือนที่ผ่านมาเบี้ยรับปีแรกเติบโตอยู่ที่อัตรา 5.50% คาดว่าทั้งปีเบี้ยปีแรกจะอยู่ที่ 6,900 ล้านบาทหรือ เติบโตในอัตรา 10%

 

สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายนั้น  แบ่งเป็น ช่องทางตัวแทน ติดลบ9.3%ช่องทางธนาคารโต 12.4% ช่องทางอื่นๆ ขยายตัว 3.4% ช่องทางดิจิทัลโต84.9% โดยในส่วนของสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ได้แก่ แบบประกันคุ้มครองสินเชื่อใหม่ ที่มีความคุ้มครองสุขภาพ เติบโต 42% แบบประกันควบการลงทุน เติบโต 321% แบบประกันชนิดมีเงินปันผลปัจจุบันมีสัดส่วน 44% ของเบี้ยประกันสามัญ