ตลท.จับผิดสังเกต"เฮียม๊อ"ไม่เผยข้อมูลปัจจุบัน "รายชื่อผู้ถือหุ้น MORE"

16 พ.ย. 2565 | 06:49 น.

ตลท.ข้องใจ"เฮียม๊อ -อมฤทธิ์" ไม่เผยข้อมูล "โครงสร้างผู้ถือหุ้น MORE "ช่วง 10-11 พ.ย. " แต่กลับใช้ปิดสมุดทะเบียนหุ้น ณ 30 ก.ย. 65 ยันเป็นสิ่งที่ตลท.ให้ความสำคัญและ มีข้อมูลการซื้อขายของบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว

 

จากธุรกรรมซื้อขายผิดปกตของหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ในช่วงราคาเปิด (ATO) ของวันที่ 10 พ.ย.2565 จำนวนกว่า 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นขึ้นแตะระดับ 2.90 บาทต่อหุ้น เทียบเท่า 22% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ก่อนที่จะทิ้งดิ่งลงมาจนร่วงติดเพดานการซื้อขายด้านล่าง (ฟลอร์) ถึง 2 วันทำการ และมาทราบทีหลังว่าวอลุ่มปริศนาเป็นของ "กลุ่มนายอภิมุข บำรุงวงศ์" ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของ MORE

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ย.65  บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE  แจ้งตลาดหลักทรัพย์  ระบุว่า นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ซีอีโอและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1  ไม่มีการซื้อขายหุ้นบริษัทในช่วง 10-11 พ.ย. 65 แม้แต่หุ้นเดียว พร้อมโชว์หลักฐาน ปิดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย.65 ซึ่งตัวเองถือหุ้นอันดับ 1 จำนวน 1,547,200,165 หุ้น ที่สัดส่วน 23.69% 

 

อ่านเพิ่ม  :  MORE เผย"เฮียม๊อ -อมฤทธิ์"ไม่ได้ขายหุ้นบริษัทแม้แต่หุ้นเดียว

 

ต่อเรื่องนี้ วันนี้ ( 16 พ.ย.65 ) เมื่อเวลา 12.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO)  ได้ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE)" โดยนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า  ตลท. กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่  เราจะดูว่าปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น MORE ล่าสุดเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถดูข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นได้ทุกวันแล้ว  

 

"เรื่องนี้เป็นประเด็นหนึ่ง ที่ ตลท.ติดตามดู และจะรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบและขยายต่อไป  ข้อมูลปิดทะเบียนผู้ถือหุ้น  ทำไมไม่ใช้ข้อมูลปัจจุบัน แต่ไปใช้ปิดทะเบียนรายชื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565  " นายภากร กล่าว


สำหรับผลตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขายผิดปกติของหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10-11 พ.ย. 2565 สามารถสรุปได้ดังนี้

 

ความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่พบในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565

 

  • สภาพการซื้อขายผิดปกติ โดยมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด +4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งวันที่สูงมากถึง 7,143 ล้านบาท (เฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท) ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดตลาด มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ เกือบ 4,300 ล้านบาท  
  • ลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ คือ ฝั่งซื้อ พบว่า เป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 รายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท
  • ฝั่งขาย พบว่า มีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ โดยมีจำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย
  • ทันทีเมื่อเปิดตลาด ได้เกิดการจับคู่ซื้อขายกับผู้ขายหลายรายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่ง หลังจากนั้น ภายในไม่ถึง 20 นาทีหลังเปิดตลาด ราคาได้ทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ Floor ที่ราคา 1.95 บาท และปิดตลาดที่ราคาดังกล่าว
  • ฝ่ายกำกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งเตือนบริษัทสมาชิกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

 

ผลกระทบที่มีต่อเนื่องมาถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565

 

  • หลังเปิดการซื้อขาย ราคาหลักทรัพย์ MORE เปิดตลาดที่ราคา Floor ในทันทีที่ราคา 1.37 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยลดเหลือเพียง 134 ล้านบาท จากกว่า 7,000 ล้านบาทในวันก่อนหน้า