หุ้นปันผล "จ่ายเงินสดหรือจ่ายเป็นหุ้น"เลือกแบบไหนดี

08 มิ.ย. 2565 | 22:05 น.

การจ่ายปันผลเป็นวิธีการหนึ่งที่บริษัทแบ่งปันความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งการจะเลือกจ่ายปันผลเป็นเงินสดหรือจ่ายเป็นหุ้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของบริษัท ดังนั้น นักลงทุนต้องทำความเข้าใจและพิจารณาว่าตัวเองเหมาะกับหุ้นปันผลประเภทใด ก่อนตัดสินใจลงทุน

หุ้นปันผล” เป็นหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนต้องการมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน เพื่อหวังที่จะได้เงินปันผลเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักหลังเกษียณ หรือมีหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยงและให้มีอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยปัจจุบันบริษัทนิยมจ่ายเงินปันผล 2 แบบ

 

  • จ่ายเป็นเงินสด (Cash Dividend) เป็นรูปแบบที่บริษัทนิยมมากที่สุด โดยเงินปันผลนำมาจากกำไรหรือกำไรสะสมของบริษัท โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ
  • จ่ายเป็นหุ้น (Equity Stock Dividend) ด้วยการเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญแล้วนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายเป็นอัตราส่วนที่กำหนด เช่น จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 10:1 หมายความว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้นทุก ๆ หุ้นเดิมที่ถือจำนวน 10 หุ้น ดังนั้น หากถือหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น หากถือหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 1,000 หุ้น เป็นต้น

สำหรับความแตกต่างระหว่างการจ่ายปันผลเป็นเงินสดกับจ่ายเป็นหุ้น

 

หากเลือกรับเป็นเงินสด หมายถึง รายได้และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีนักลงทุนโดยตรง จากนั้นก็นำไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ ส่วนบริษัทที่เลือกจ่ายปันผลด้วยวิธีนี้ต้องมีกระแสเงินสดเพียงพอเพื่อนำมาจ่ายปันผล หมายความว่า บริษัทต้องรักษาโครงสร้างทางการเงินให้มีเสถียรภาพสม่ำเสมอ

 

ซึ่งข้อดี คือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ด้านผู้ถือหุ้นมองว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินดี ผลประกอบการแข็งแกร่ง ไว้วางใจว่าบริษัทจะสร้างความมั่งคั่งไปพร้อม ๆ กับการสร้างธุรกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญจะไม่เกิด Dilution Effect (จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นลดลง)

 

ขณะที่รับปันผลเป็นหุ้น หุ้นก็จะถูกโอนเข้าพอร์ตลงทุนของนักลงทุนโดยตรง ซึ่งบริษัทมักจะเก็บเงินสดเอาไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) เตรียมขยายการลงทุนโดยไม่ต้องไปกู้ยืม หรือเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น (เพิ่ม Free Float) อีกทั้ง ประเมินว่าในปีถัดไปธุรกิจมีโอกาสฟื้นตัวและผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และไม่กังวลเกี่ยวกับการเกิด Dilution Effect

 

แต่ข้อกังวล คือ หากในปีถัดไปผลประกอบการเติบโตน้อยกว่า Dilution Effect จะทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลดลง และหากกำไรในปีถัดไปเติบโตน้อยกว่าการเกิด Dilution Effect อาจต้องประเมินว่าบริษัทจะจ่ายปันผลเป็นหุ้นลดลงหรือไม่

หากพูดถึงความนิยม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังชื่นชอบหุ้นปันผลที่จ่ายเป็นเงินสด โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการเงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น วัยเกษียณ หรือมีแผนนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น กองทุนรวม ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักลงทุนหลายคนชื่นชอบการได้รับเงินปันผลเป็นหุ้น เพราะหุ้นปันผลที่ได้รับอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทำให้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดี หมายความว่า เมื่อเวลาผ่านไปหากราคาหุ้นขยับขึ้น เช่น วันที่รับปันผลเป็นหุ้น ราคาหุ้นอยู่ที่ 2 บาท วันนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 5 บาท มูลค่าเพิ่มที่ได้รับอาจมากกว่าการได้เงินปันผลเป็นเงินสด ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตในระยะยาว หรือผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เช่น ผู้ที่มีรายได้ประจำและต้องการให้หุ้นปันผลอยู่ในแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ เป็นต้น

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

โดย : อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)

 

ที่มา  :  setinvestnow.com