ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงและยอดขายรถยนต์สะสมเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 อยู่ที่ 596,325 คัน หดตัวลง 2.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวลง 2.7% อยู่ที่ 336,936 คันและรถยนต์นั่งหดตัวลง 1.2% อยู่ที่ 259,389 คัน
ttb analytics คาดว่า ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 นี้ ยอดขายรถยนต์จะเริ่มมีการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นภายหลังการคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่ต่าง ๆ ประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เริ่มทั่วถึงทั้งประเทศและการกระตุ้นยอดขายจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โปช่วงสิ้นปี ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 จะอยู่ที่ 7.65 แสนคัน ซึ่งหดตัวลง 3.3%
เมื่อเจาะลึกเชิงพื้นที่จากข้อมูลรถยนต์จดทะเบียนใหม่พบว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2564 ภูมิภาคที่ยอดจดทะเบียนรถใหม่ยังขยายตัวคือ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยขยายตัว 3.1% 1.5% และ 0.3% ตามลำดับ โดยมาจากรถยนต์เชิงพาณิชย์เป็นหลัก(เครื่องยนต์ดีเซล) เนื่องจากเศรษฐกิจพึ่งพาภาคเกษตรเป็นหลัก และในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในพื้นที่มีกำลังซื้อรถยนต์เพื่อใช้ประกอบกิจการ
ขณะที่พื้นที่หลักที่มียอดขายรถยนต์ใหม่สูง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคกลางพบว่า หดตัว 7.8% 4.7% และ 3.8% ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้พึ่งพิงเศรษฐกิจในภาคการค้า และภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักงันในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 2564 และทำให้ยอดขายรถยนต์ในพื้นที่ลดลงค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ดี หากพิจารณายอดจดทะเบียนรถใหม่ แม้ว่าภาพรวมรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์จะลดลง แต่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 10 เดือนของปี 2564 มียอดสะสมรวมกว่า 35,501 คัน แบ่งเป็นสัดส่วนรถไฟฟ้าประเภท Hybrid 95% และเป็นรถไฟฟ้าประเภทใช้แบตเตอรี่ BEV 5% ขยายตัว 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมีการเติบโตอย่างมากในทุกภูมิภาค ชี้ให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ที่มีความทันสมัยและประหยัดพลังงานซึ่งมาจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่อยู่จากตลาดกลางถึงบน
ทั้งนี้ ttb analytics คาดว่า แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2565 จะทยอยฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับปกติอยู่ที่ 8.7 แสนคัน หรือขยายตัว 13.8% แบ่งเป็น รถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัว 17.6% และรถยนต์นั่งขยายตัว 8.8% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก
สำหรับแนวโน้มยอดขายปี 2565 เชิงพื้นที่ ประเมินว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคกลาง จะทยอยปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2564 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งภาคการค้า ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรมกลับมาดำเนินกิจการได้ดังเดิม จากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ข้อจำกัดการเดินทางและการทำกิจกรรมของประชาชน ประกอบกับการเรียนรู้ของผู้ประกอบการและประชาชนที่จะอยู่ร่วมกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 มีสัญญาณความเสี่ยงด้านราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง โดยเฉพาะข้าว ทำให้คาดว่าในพื้นที่เพาะปลูกข้าว ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน อาจได้รับผลกระทบกำลังซื้อ ทำให้ยอดขายในพื้นที่ดังกล่าวลดลงได้
ด้านความเสี่ยงภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2565 ที่สำคัญ ได้แก่