“ฉัตรชัย” CEO กลุ่ม บ.ดาว แนะธุรกิจเร่งปรับ รับกระแส Circular Economy

28 ต.ค. 2564 | 09:18 น.

“ฉัตรชัย” CEO กลุ่ม บ.ดาว แนะภาคธุรกิจเร่งปรับตัวรับกระแส Circular Economy ชี้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องช่วย SME ปรับตัว พร้อมเปิด 4 ข้อสู่การเปลี่ยนผ่านให้สำเร็จ ย้ำนโยบายรัฐบาลสำคัญสุด

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าว กล่าวในงาน สัมมนาออนไลน์ Thailand Next  episode 3 : Circular Economy นวัตกรรมเพื่ออนาคต ในวาระครบรอบ 50 ปี เครือเนชั่นในหัวข้อ Circular Economy โอกาสธุรกิจอย่างยั่งยืน ว่า ปัจจัยผลักดันสำคัญ ที่ทำให้เกิดกระแส Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน คือ ทรัพยากรที่มีน้อยลง และประชากรที่มีมากขึ้น  ซึ่งเทรนที่เปลี่ยนไปนอกจากรัฐบาลจะผลักดันแล้ว ยังพบว่าผู้บริโภคให้ความสนใจและมีการตื่นตัวมากขึ้น รวมทั้งมีการพูดถึงการลงทุนหรือธุรกิจที่ตอบโจทย์ Circular Economy พร้อมยกตัวอย่าง สินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคในอดีต จะพูดถึงเรื่องความอร่อยและคุณภาพ แต่ปัจจุบันจะพูดถึงเรื่องออแกนิกส์ ทั้งนี้เชื่อว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะมีการถามถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งหากไม่ปรับตัว เมื่อถึงวันนั้นจะปรับตัวไม่ทัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มมีการปรับเปลี่ยนแล้ว สิ่งสำคัญคือพาธุรกิจขนาดเล็กปรับเปลี่ยนไปด้วยกัน

ผู้บริหารกลุ่มบริษัท ดาว ระบุว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดาวมี 109 โรงงานใน 136 ประเทศ ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และมีการทำเรื่องของ Circular Economy ควบคู่ sustainability มานานแล้ว โดยภาพที่กลุ่มบริษัทดาวมองคือ การลดใช้ทรัพยากรและการนำกลับมาใช้ใหม่ มีการทำ Footprint , Handprint และ Blueprint รวมทั้งการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซต์ และการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มดาวได้มีการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อทำ Circular Economy และพร้อมที่จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการขนาดเล็กในช่วงเปลี่ยนผ่าน

พร้อมแนะ 4 ข้อในการทำ Circular Economy ให้ประสบความสำเร็จ คือ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน  พฤติกรรมผู้บริโภค และนโยบายภาครัฐ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด ทั้งการออกกฎระเบียบและจัดตั้งหน่วยงานเข้ามากำกับดูแล พร้อมกันนี้ภาคเอกชนขนาดใหญ่พร้อมช่วยผลักดัน SME ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ควรนำแบบอย่างมาตรฐานการทำ Circular Economy จากประเทศที่พัฒนาแล้วมาปรับใช้ในไทย มีการสร้างมาตรฐานการตรวจสอบย้อนหลัง ซึ่งถือเป็นตอบโจทย์การทำ Circular Economy ได้อย่างดี รวมทั้งมีการทำ CE INDEX ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าด้วย