ดาวโจนส์ปิดร่วง 725 จุด วิตกโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจโลกทรุด

19 ก.ค. 2564 | 23:43 น.

ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 33,962.04 จุด ลดลง 725.81 จุด นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตา

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนักหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทรุดตัวลงกว่า 7%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,962.04 จุด ลดลง 725.81 จุด หรือ -2.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,258.49 จุด ลดลง 68.67 จุด หรือ -1.59% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,274.98 จุด ลดลง 152.25 จุด หรือ -1.06%

นักวิเคราะห์จากบริษัทคิงส์วิว แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเป็นเปอร์เซนต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.ปีนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่า การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งกำลังกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกขณะนี้ อาจทำให้การเปิดเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้          

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นในสหรัฐ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยสหรัฐมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 30,000 รายต่อวันในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ย 11,000 รายต่อวันในเดือนมิ.ย. ส่วนภาพรวมทั่วโลกในขณะนี้ ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 191,445,982 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,109,432 ราย

หุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ร่วงลงทั้งหมด นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.59% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทรุดตัวลงกว่า 7% อันเนื่องมาจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสมีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ร่วงลงอย่างหนัก หุ้นกลุ่มโรงแรมปรับตัวลงเช่นกัน 

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้    
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 1 จุด สู่ระดับ 80 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 82 โดยการร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง เน็ตฟลิกซ์, จอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, อินเทล, ฮันนีเวลล์ และฮาลีย์-เดวิดสัน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนมิ.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต