ความพยายามของกระทรวงการคลังที่จะดึงให้บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ ประเภท 3 เพื่อให้การบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติสามารถฟื้นฟูกิจการได้ตามแผน เพราะการที่มีกระทรวงคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าหนี้ของการบินไทยด้วย
หลายคนตั้งคำถามว่า รัฐวิสาหกิจ ประเภท 3 คืออะไร จะทำให้เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูนฯ ของการบินไทยมั่นใจได้อย่างไร
กฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) จะมี 2 ฉบับคือพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ และ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ
พ.ร.บ.การกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ให้ความหมาย “รัฐวิสาหกิจ” ว่า
(1) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล กิจการของรัฐตามกฎหมายที่จัดตั้งกิจการนั้น หรือหน่วยงานธุรกิจท่ีรัฐบาลเป็นเจ้าของ
(2) บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่กระทรวงการคลังมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่า 50%
ขณะที่ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ให้ความหมาาย “รัฐวิสาหกิจ” ว่า
(1) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล กิจการของรัฐซึ่งมีกฎหมายจัดตั้งขึ้น หรือหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ
(2) บริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตาม (1) มีทุนรวมอยู่ด้วยเกิน 50%
(3) บริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตาม (1) หรือ (2) หรือที่รัฐวิสาหกิจตาม (1) และ (2) หรือที่รัฐวิสาหกิจตาม (2) มีทุนรวมอยู่ด้วยเกิน 50%
ดังนั้นข้อเสนอของการบินไทยคือ ให้รัฐวิสาหกิจ (2) เช่น ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์(ธพส.) หรือ ปตท. หรือ หน่วยงานอื่นตาม(2) เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกนิดนึง เพื่อให้เข้า (3) เพราะปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้น ในการบินไทย 47.86% และออมสิน ถือหุ้นอีก 2.13% รวมเป็น 49.99% ซึ่งยังไม่เข้าเงื่อนไขเป็นรัฐวิสาหกิจ ประเภท (3)
สำหรับข้อดีและจุดแข็งของการให้การบินไทยกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ ประเภท (3) คือ
ประเด็นที่ 1 ทำให้การบินไทยมีความคล่องตัวในการกำหนดนโยบาย บริหารจัดการและดำเนินการต่างๆ เนื่องจากการบินไทยจะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายที่สำคัญบางฉบับเท่านั้น ได้แก่
1.พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณและพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งทำให้การบินไทยสามารถได้รับการสนับสนุนงบประมาณ การเพิ่มทุน วงเงินกู้ หรือเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้จากรัฐได้ อันเป็นการสร้างหลักประกันและความมั่นใจให้แก่เจ้าหนี้ผู้ให้สินเชื่อหรือเข้าทำสัญญากับการบินไทยเป็นอย่างยิ่ง
2.พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ซึ่งทำให้การบินไทยสามารถเข้าร่วมเป็นคู่สัญญากับภาครัฐได้ทันที โดยไม่ต้องดำเนินการตาม พรบ.ร่วมลงทุนฯ ซึ่งกระบวนการการร่วมลงทุนในแต่ละกิจกรรมต้องใช้เวลานานกว่า 2 ปี ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่น การศึกษาโครงการหรือการวางหลักประกันสัญญา
ประเด็นที่ 2 คือ ทำให้การบินไทยไม่ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายบางฉบับที่ทำให้ปัญหา อุปสรรค และข้อขัดข้องเดิมของการบินไทยที่เคยเกิดขึ้นในยุคก่อนหายไป เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ และ พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งทำให้การบินไทยสามารถกำหนดแผนงาน งบประมาณ และการดำเนินโครงการต่างๆ ได้เองมากขึ้น รวมถึงไม่ต้องยึดตามพรบ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และพ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทำให้การบินไทยสามารถกำหนดและคัดเลือกกรรมการผู้บริหาร และพนักงานได้ตรงตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมการบินได้มากยิ่งขึ้น
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,678 วันที่ 13 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564