อัปเดต"สิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี63" เพื่อยื่นปี 64 มีอะไรบ้าง

08 ธ.ค. 2563 | 03:09 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2563 | 10:09 น.

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีแล้ว สำหรับ"ผู้ที่มีรายได้" ที่ต้องใช้"ลดหย่อนภาษี" เพื่อช่วยให้สามารถบริหารจัดการภาษีให้เกิดการประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด 

 

เรามาอัพเดตดูกันว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 ที่ต้องยื่นในปี 2564 สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง

 

ในปี 2563 ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ต้องเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทยและการจ้างงาน รัฐจึงได้ช่วยลดภาระผู้ประกันตน โดยให้ลดการนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และมีการออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นการบริโภคผ่านโครงการ"ช็อปดีมีคืน"  

 

นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบการออม โดยออกกองทุนรวมเพื่อการออม( SSF) มาแทนที่ "กองทุนรวมหุ้นระยะยาว"หรือ LTF ที่ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ภาษีไปแล้ว   

 

 

อัปเดต"สิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี63" เพื่อยื่นปี 64 มีอะไรบ้าง

 

 

ส่งผลไปถึง "สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในปี 2563 " ที่จะต้องยื่นภาษีในปี 2564  มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยในหลายรายการ ได้แก่

 

1.“ช้อปดีมีคืน” มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ที่เปิดให้ประชาชนผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นำเอกสารหลักฐานการซื้อสินค้าและบริการตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 มาหักลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง รวมแล้วไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน

 

2.กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX )ที่รัฐให้ลดหย่อนตามจริงสูงสุด 200,000 บาท  สำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุน SSFX ในช่วง 1 เม.ย. - 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

 

3.กองทุนรวมเพื่อการออม ( SSF) ลดหย่อนภาษีได้ 30%ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมการลงทุนในกลุ่มเกษียณ (เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ,กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF ),กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.),เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท 

 

4.เงินสมทบประกันสังคม  จากเดิมที่เคยสมทบสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี  แต่ในปีภาษี 2563 นำมาลดหย่อนสูงสุดที่ 5,850 บาท เนื่องจากมีการปรับลดอัตราการนำส่งถึง 2 รอบ คือในช่วงเดือน มี.ค. - พ.ค. หัก 1%  และเดือน ก.ย. - พ.ย. หัก 2%  เพื่อลดภาระผู้ประกันตนในช่วงโควิด-19

 

สิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี 2563 เพื่อยื่นภาษีปี 2464 มี 5 กลุ่มดังนี้

 

 

- กลุ่มค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
  
   
   

    1.ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท

    2. คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้ที่ยื่นแสดงรายการรวมกันในการคำนวณภาษี 60,000 บาท

    3.ค่าคลอดบุตรตามจ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท

    4.ค่าลดหย่อนบุตร ( เรียนอยู่และอายุไม่เกิน 25 ปี ) 30,000 บาท

      บุตร (คนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดในหรือหลังปี 2561 ) คนละ  60,000 บาท

    5. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มารดา อายุ  60 ปีขึ้น ( ต่อคน ) 30,000 บาท 

    6. อุปการะผู้พิการ/ ทุพพลภาพ  60,000 บาท

 

 

- กลุ่มค่าลดหย่อนประกันและการลงทุน
 

 

 7.เงินสมทบประกันสังคมสูงสุดไม่เกิน  5,850 บาท  

 8. ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

 9. เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
     * ( ข้อ 8 บวก 9  รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท )

10. เบี้ยประกันสุขภาพพ่อ-แม่ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน  15,000 บาท

11. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญลดหย่อนได้15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท 

12. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

13.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท

14. กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ลดหย่อนได้15% ของเงินได้ ไม่เกิน 500,000 บาท
    ( ข้อ 12 - 14  ตามที่จ่ายสูงสุดรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท)

15.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) 13,200 บาท

16.กองทุนรวมเพื่อการออม ( SSF) ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท 

17.ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 500,000 บาท

18. ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ ( SSFX )  200,000 บาท
(  ข้อ 11 - 17 รวมกันสูงสุดต้องไม่เกิน 500,000 บาท )  


 

- กลุ่มค่าลดหย่อน "อสังหาริมทรัพย์"

 

 

19.ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน100,000 บาท

20.โครงการบ้านหลังแรกปี 59 สูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท

 

 

- กลุ่มค่าลดหย่อน"บริจาค"

 

 

21.พรรคการเมือง ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

22.มูลนิธิและองค์กรสาธารณะกุศล ตามจริง ไม่เกิน10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

23. การศึกษา/กีฬา/ โรงพยาบาลรัฐ/สังคมต่างๆ หักลดหย่อนได้  2 เท่าของเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน

 

 

- กลุ่มค่าลดหย่อน กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ฯ

 

24. ช้อปดีมีคืน  30,000 บาท

25. ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต (ธุรกิจที่มีเครื่องรูดบัตร ECD ) หักค่าลดหย่อนได้เพิ่ม 1 เท่าของที่จ่ายตามจริง



             

 

 

อัปเดต"สิทธิ์ลดหย่อนภาษีปี63" เพื่อยื่นปี 64 มีอะไรบ้าง