ธอส.เดินหน้า สานต่อ เราไม่ทิ้งกัน เตรียม 20,000 ล้าน ปล่อยกู้ผู้ได้รับ เงินเยียวยา 5,000 บาท ในโครงการ เราไม่ทิ้งกัน รวมถึงลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ เยียวยาโควิด-19 อีก 4 แสนราย ใน 10 มาตรการ วงเงินรวม 4 แสนล้านบาท มั่นใจ สนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้เร็ว
นายกมลภพ วีระพละ รองกรรมการผู้จัดการ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดทำ “โครงการ ธอส. ปันน้ำใจ เราไม่ทิ้งกัน” โดยการให้สินเชื่อโครงการบ้าน ธอส. เราไม่ทิ้งกัน วงเงิน 20,000 ล้านบาท กับบุคคลในครอบครัวของประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ เงินเยียวยา 5,000 บาท หรือบุคคลในครอบครัวของลูกค้า ธอส. ที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วม “มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ได้รับผลกระทบ Covid-19"
“อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งในอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี จะแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระของลูกค้าโดยตรง ทั้งนี้กรณีกู้ 1 ล้านบาท จะผ่อนชำระ 2 ปีแรกเพียง 3,300 บาทต่อเดือนเท่านั้น
นอกจากนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับวงเงินกู้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้มีบ้าน ธอส.ได้กำหนดสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ ในกรณีลูกค้ารายย่อยเพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน ซึ่งถือเป็นโครงการที่ครอบคลุมทั้งคนในครอบครัวของผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่มีผู้ผ่านเกณฑ์กว่า 15 ล้านราย และครอบครัวของลูกค้า ธอส. ที่ลงทะเบียนเข้ามาตรการช่วยเหลือจากปัญหาโควิด-19 มากกว่า 4 แสนราย จึงเชื่อว่า โครงการบ้าน ธอส. คนไทยไม่ทิ้งกัน จะสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ส่วนจัดทำกิจกรรม CSR ธอส.ได้จัดทำ“โครงการบ้าน ธอส. ของกินของใช้ ปันน้ำใจ เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อยกระดับชุมชน เสริมสร้างวัฒนธรรมแบ่งปันสุข ด้วยการจัดทำ “บ้าน ธอส.” บริเวณหน้าที่ทำการสาขา ธอส. กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ภายในเดือนมิถุนายน 2563 สำหรับใส่ของกินของใช้เพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แบ่งปันไปใช้-บริโภค
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธอส.ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 รวม 10 มาตรการ ทั้งการลดดอกเบี้ย พักชำระเงินต้น พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ขยายเวลาและยกดอกเบี้ย มีลูกค้ารับความช่วยเหลือรวม 446,747 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 443,220 ล้านบาท และเตรียมประกาศขยายระยะเวลาความช่วยเหลือเพิ่มเติมไปถึง 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆนี้