เซ่นสงครามราคาน้ำมัน หุ้นไทยปิดดิ่ง 108.63 จุด

09 มี.ค. 2563 | 09:56 น.

หุ้นไทยปิดลบ 108.63 จุด รับแรงกดดันหนักในกลุ่มปตท.ร่วงยกแผง หลังผวาสงครามราคาน้ำมัน และกังวลไวรัสโคโรนาลามทั่วโลก ด้านทองคำปรับขึ้นลง 22 ครั้ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

ตลาดหุ้นไทยวันที่ 9 มีนาคม  2563 เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ลดลงต่ำสุด 115.26 จุด หรือ 8.44% อยู่ที่ 1,249.31 จุด รับแรงขายหนักในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี นำโดยกลุ่มปตท. หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ทรุดตัวลงอย่างหนักจากซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) เป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทำสงครามราคาน้ำมัน รวมถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดทั่วโลก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,255.94 จุด ลดลง 108.63 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 7.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 103,623.75 ล้านบาท ขณะที่ ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,299.77 จุด

 

สำหรับราคาหุ้นกลุ่มปตท.ปรับลดลงทุกบริษัท โดยบมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 28.00 บาท ลดลง 9.50 บาท หรือ 25.33%, บมจ.ปตท.สผ. (PTTEP) ปิดที่ 74.75 บาท ลดลง 31.75 บาท หรือ 29.81%, บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ปิดที่ 31.00 บาท ลดลง 11.25 บาท หรือ 26.63% และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ปิดที่ 32.75 บาท ลดลง 9.00 บาท หรือ 21.56% 

 

ด้านราคาทองคำปรับขึ้นลง 22 ครั้ง ราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากครั้งก่อน โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 24,800.00 บาท ขายออกบาทละ 24,900.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 24,346.96 บาท ขายออกบาทละ 25,400 บาท

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

PTT ปิดที่ 28.00 บาท ลดลง 9.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 18,688.88 ล้านบาท

PTTEP ปิดที่ 74.75 บาท ลดลง 31.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 12,248.41 ล้านบาท

CPALL ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,372.56 ล้านบาท

PTTGC ปิดที่ 31.00 บาท ลดลง 11.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,697.95 ล้านบาท

BAM ปิดที่ 23.70 บาท ลดลง 1.55 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,371.57 ล้านบาท

 

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์ ) โดยการซื้อขายยังเป็นปกติ เพราะการใช้มาตรการดังกล่าวมีระดับวัดการลดลงอยู่แล้ว ซึ่งยังลงไปไม่ถึงขนาดนั้น รวมถึงหุ้นแต่ละตัวมีมูลค่าและฟลอร์อยู่แล้ว หากราคาปรับขึ้นลง ก็จะมีการหยุดซื้อขายเอง นอกจากนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการพิเศษเพื่อกำกับการดูแลซื้อขายเพิ่มเติมใดๆ 

 

สำหรับเซอร์กิตเบรกเกอร์ จะใช้ในกรณีที่สภาวะการซื้อขายมีความผันผวนรุนแรง ราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างครบถ้วน ตลท.จะหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว 

 

โดยครั้งที่ 1 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที และ ครั้งที่ 2 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% (ลดลงอีก 10%) ของค่าดัชนีปิดใน วันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของเซอร์กิตเบรกเกอร์แล้ว ตลท.จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไป จนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก 

 

หากระยะเวลาในรอบการซื้อขายที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ทำงานนั้นเหลือไม่ถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็ให้หยุดพักการซื้อขายเพียงระยะเวลาที่เหลือในรอบการซื้อขายนั้นแล้วเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติในรอบการซื้อขายถัดไป
 

ทั้งนี้ อาจมีบางช่วงเวลาที่หลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ (Cross-border Products) อาจเปิดซื้อขายไม่ตรงกันกับหลักทรัพย์อื่นๆ เนื่องจากไม่มีช่วงเวลาพักการซื้อขายระหว่างวัน (Non intermission)