มาร์เก็ตหุ้นกลุ่มพลังงานวูบ1.3แสนล้าน

09 มี.ค. 2563 | 07:53 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2564 | 14:38 น.

การซื้อขายหลักทรัพย์ภาคเช้าวันจันทร์ (9 มี.ค. 63) เวลา 12.30 น. ดัชนีปิดอยู่ที่ 1,272.20 จุด ปรับลดลง -92.37 จุด หรือ -6.77% มูลค่าการซื้อ-ขายทั้งสิ้น 56,440.62 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบโลกดิ่งกว่า 20% หลังประเทศซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกได้ประกาศลดราคาน้ำมันในเดือน เม.ย ลง และยืนยันว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบโลกขึ้นเป็น 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซียไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดการผลิตลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา  จนฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งดัชนีหุ้นไทย ภาคเช้าปิดตลาดดิ่งลง 6-7% ปิดที่ 1,272.20 จุด ปรับลดลง -92.37 จุด หรือ -6.77% มูลค่าการซื้อ-ขายทั้งสิ้น 56,440.62 ล้านบาท


ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้ตลท.ยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการ “ เซอร์กิต เบรกเกอร์ “ เพราะตลาดหุ้นร่วงเปิดตลาดเช้าลงไป 5-6 % ยังไม่ลงไปถึง 10%  ที่ตลท.จะใช้เมื่อเครื่องมือดังกล่าวเมื่อตลาดหุ้นร่วงแรงถึง 10%  

การร่วงลงของตลาดนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี  ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปราว 20- 30% ของมูลค่าตลาด หุ้นกลุ่มนี้ปรับลงกว่า 15% รองมาเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง 5-6 % อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มอื่นปรับตัวไม่ได้มาก โดยเฉพาะดัชนี SET Well-Being Index (SETWB) ปรับลงเพียง 2-3 % 

ทั้งนี้สิ้นปี 2562 มูลค่ามาร์เก็ตแคปพลังงานและปิโตร ฯ อยู่ที่ 424,741 ล้านบาท ขณะที่สุปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI ปรับลง 32 % ส่งผลให้มูลค่า Oil &Petro Inventory มีมูลค่าลดลง 135,917 ล้านบาท โดย มาร์เก็ตแคปกลุ่มนี้เช้าวันนี้ลดลง 109,000 ล้านบาท 

“มองว่ายังไม่มีความไม่จำเป็นต้องมีมาตรกรพิเศษอะไรออกตอนนี้ แต่สิ่งที่ตลท.ทำอยู่ อาทิเราทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังหามาตรการและเพิ่มกลไให้ตลาดมีเงินลงทุนใหม่ๆ เช่นผลักดันกองทุน SSF , ซัพพอร์ตบริษัทจดทะเบียน ( บจ.) ,บริษัทหลักทรัพย์ ( บล.  รวมทั้งบริษัทจัดการกองทุน ส่วนการช่วยผู้ประกอบการขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ