กรมสรรพสามิตรับข้อเสนอสมาคมสุราชุมชนฯ ขอศึกษาการยกระดับ ดันซุ้มยาดองจดทะเบียนถูกต้องคามกฎหมาย ถามร้านจะยอมเสียภาษีหรือไม่ ยันกำชับเจ้าหน้าที่ห้ามรับใต้โต๊ะเด็ดขาด
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ขอรับเรื่องที่นายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราชุมชนแห่งประเทศไทย เสนอให้ยกระดับการผลิตสุราของร้านซุ้มยาดองต่างๆ ให้ถูกกฏหมาย หรือขึ้นมาไว้บนดินเหมือนกัญชาไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ในแง่ของกฎหมายว่า เปิดช่องให้ดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด เพราะต้องดูถึงผลดี ผลเสียที่จะกระทบต่อสุขภาพของประชาชนด้วย
อย่างไรก็ตามเบื้องต้น หากต้องมีการยกระดับด้วยการให้ร้านค้ามาจดทะเบียนเพื่อจำหน่ายสุราผสมได้นั้น ร้านค้าจะต้องยอมรับว่า ต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ประกอบกับร้านค้าจะต้องสำแดงสุราที่นำมาผสมกันนั้น เป็นสุราที่มีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง และไม่เป็นสุราเถื่อน รวมถึงชี้แจงส่วนผสมทั้งหมดที่ใช้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบคุณภาพ ที่จะไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนด้วย
"ขอรับเรื่องนี้ไปศึกษาก่อน ซึ่งเราต้องดูช่องของกฎหมายด้วยว่าทำได้หรือไม่ และจะต้องหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขก่อน เนื่องจากกังวลว่าจะถ้าเราให้ร้านค้าเหล่านี้ที่อยากขาย มาขึ้นทะเบียนกับเรา จะเป็นการส่งเสริมให้คนดื่มสุรามากขึ้น ซึ่งสรรพสามิตจะถูกมองว่าไม่ดีอีก จะมาทำแบบนั้นไม่ได้ ส่วนถ้าจะเปิดให้มาขึ้นทะเบีบนขายจริง ร้านค้าจะยอมมาหรือไม่ เพราะต้องเสียภาษีตามระบบเหมือนที่ผู้ประกอบการเสียอยู่ในปัจจุบัน เขาจะยอมไหม"นายณัฐกร กล่าว
ส่วนกรณีที่บางร้านค้ากล่าวอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตเรียกรับเงินใต้โต๊ะ เพื่อให้เปิดขายยาดองได้ตามปกตินั้น นายณัฐกร ยืนยันว่า กรมจริงจังกับเรื่องดังกล่าว ด้วยการกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฎิบัติตามระเบียบที่มีอยู่อย่างเต็มที่ทุกกรณี และได้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถบอกได้ 100% ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการดังกล่าวเลย ดังนั้นจึงอยากให้ร้านค้า ซุ้มยาดอง และประชาชนที่พบเห็นการทุจริต รับเงินใต้โต๊ะดังกล่าว แจ้งมายังกรมสรรพสามิต เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อไป โดยหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวด้วย จะถูกสอบทางวินัยและดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบราชการต่อไป
นอกจากนี้ รองโฆษกกรมสรรพสามิต ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีกัญชา ว่า ขณะนี้กรมได้มีการสรุปอัตราภาษีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อกฎหมายการใช้กัญชามีผลบังคับใช้ กรมก็สามารถออกประกาศเพื่อจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ทันที โดยเบื้องต้นจะจัดเก็บภาษีเฉพาะกัญชาที่ใช้เพื่อการพาณิชย์เท่านั้น จะไม่จัดเก็บในส่วนของกัญชาเพื่อการแพทย์ การศึกษา หรือเพื่อการวิจัยเด็ดขาด แต่อัตราภาษีจะมีหลายอัตราหรืออัตราเดียว ต้องรอให้ระดับนโยบายสรุปแนวทางการใช้กัญชาออกมาอย่างเป็นทางการก่อน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) พบว่า ธ.ก.ส.ได้มีแผนการปล่อยสินเชื่อสำหรับเกษตรกรที่ปลูกกัญชาแล้ว แต่ยังไม่ได้นำมาใช้ เนื่องจากต้องรอให้กฎหมายการปลูกกัญชามีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการก่อน แต่ในเบื้องต้น จะให้กู้สำหรับเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนเท่านั้น เกษตรกรเป็นรายๆ ไม่สามารถขอกู้ได้ ขณะเดียวกันวิสาหกิจที่ปลูกกัญชาและต้องการขอกู้นั้น จะต้องเป็นเกษตรกรที่อยู่ในจังหวัดที่อนุญาตให้มีการเพาะปลูก และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดด้วย