การตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานับว่า สร้างความเซอร์ไพรส์พอสมควรด้วยมติ 5 ต่อ 2 ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สวนทางกับที่ตลาดมองว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ตอกยํ้าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงอย่างชัดเจน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เองก็ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบเกือบ 11 ปีไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคที่ผ่านมา
ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความกังวลในเรื่องการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนยืดเยื้อ และกำลังลามเข้าสู่การทำสงครามค่าเงิน จากการที่รัฐบาลจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงในรอบ 11 ปีเช่นเดียวกัน และสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
ปัจจัยเหล่านี้จะกดดันให้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและช่วยหนุนทองคำในอีกทางหนึ่ง เพราะทางเลือกในการลงทุนและบริหารเงินในสถานการณ์เช่นนี้ หนีไม่พ้น ต้องเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ โดยจะ
เห็นสัญญาณจากราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมปรับตัวขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดกับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้นใครที่จะลงทุนทองคำ ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11 - 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562