ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนวันศุกร์ ( 7 มิถุนายน ) ที่ 25,983.94 จุด พุ่งขึ้น 263.28 จุด หรือ +1.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,873.34 จุด เพิ่มขึ้น 29.85 จุด หรือ +1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,742.10 จุด เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 126.55 จุด หรือ +1.66%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนวันศุกร์ ( 7 มิถุนายน ) พุ่งขึ้นมากกว่า 200 จุด แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวออกมาน่าผิดหวัง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 224,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 เดือนที่การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1 00,000 ตำแหน่ง
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับเมื่อเดือนเมษายน และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานลดลงสู่ระดับ 3.1%
อย่างไรก็ตามการประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มิถุนายนนี้ ขณะที่ FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนกรกฏาคมนี้ และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน รวมถึงมีโอกาสมากกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงว่า สหรัฐจะเลื่อนกำหนดเวลาในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน จากวันที่ 1 มิถุนายนไปเป็นวันที่ 15 มิถุนายน นอกจากนี้มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ซึ่งประกาศจะจัดเก็บในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายนนี้ ออกไปก่อน