AIRA ชูกลยุทธ์ โต 2 ขา ‘สร้าง-ซื้อ’
สัมภาษณ์
หลังจากที่บริษัท ไอร่า ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA Leasing ใช้เวลา 1 ปีในการจัดบ้านเป็น “Smart Office” วางระบบ Core Leasing และนำระบบเทคโนโลยี่ไอทีมาสนับสนุนการทำงาน ขับเคลื่อนธุรกิจบริษัทให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
นายธีรธร ธุวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไอร่า ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (AIRA Leasing) ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางแผนธุรกิจของบริษัทปีนี้ว่า จากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ โดยบริษัทคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.5% ชะลอลงจากปีที่แล้วที่โตในอัตรา 4.1% แต่เชื่อจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจลีสซิ่งมากนัก
ทั้งนี้จากยอดคงค้างพอร์ตสินเชื่อลีสซิ่งทั้งระบบอยู่ที่ 2.04 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโตเฉลี่ยปีละ 6 % แยกเป็น 1. กลุ่มลีสซิ่งที่ดำเนินโดยกลุ่มแบงก์มีสัดส่วน 65% ของยอดคงค้างหรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท 2. กลุ่มไฟแนนซ์มีสัดส่วน 28% และ 3. กลุ่มนอนแบงก์ โดยลีสซิ่งในกลุ่มแบงก์จะมีอัตราเติบโตตํ่าสุด 1.8% กลุ่มไฟแนนซ์โตเฉลี่ย 12% และกลุ่มนอนแบงก์ซึ่งมีสัดส่วน 7% ของพอร์ต โตเฉลี่ย 19% ขณะที่ภาพรวมธุรกิจลีสซิ่งปีนี้คาดว่ายังขยายตัว 10%
ธีรธร ธุวานนท์
“เราเล็งเห็นโอกาสธุรกิจลีสซิิ่งในกลุ่มนอนแบงก์ ยังมีโอกาสที่เติบโตสูง เพราะในช่วง 5 ปีเติบโตถึง 19% นอกจากนี้การได้รัฐบาลใหม่จะสร้างความเชื่อมั่น ทำให้แนวโน้มในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจ”
สำหรับแผนการเติบโตของธุรกิจบริษัทปีนี้ จะมาจากกลยุทธ์ของการสร้างและซื้อ (build-buy) โดยการพัฒนาสร้างผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างและครบด้าน การให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) รวมถึงการพัฒนาโปรดักต์ อินโนเวชัน ผ่านกลยุทธ์ Smart office ซึ่งบริษัททำเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางปีที่แล้ว และในครึ่งหลังของปีนี้จนถึงปี 2563 จะเริ่มทำ Smart Process โดยนำระบบดิจิทัล มาพัฒนาอำนวยความสะดวกลูกค้าในการใช้บริการผ่านออนไลน์ โซเชียลมีเดีย มือถือ ตั้งแต่การยื่นคำขอผ่านเว็บไซต์ ตรวจสถานะใบสมัคร จนเสร็จสิ้นขั้นตอนการอนุมัติ ซึ่งสามารถตรวจสอบแบบเรียลไทม์ การนำเรื่องอีเพย์เมนท์ และคิวอาร์โค๊ต เข้ามาใช้ในระบบการชำระเงิน ฯลฯ
“ที่ผ่านมาสัดส่วนลูกค้า 70% จะเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และอีก 30% เป็นรายย่อย แต่ต่อไปจะเน้นรายย่อยมากขึ้น เป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อทำกำไรให้เร็วที่สุด เพราะโดยกปกติเช่าซื้อลีสซิ่งจะขาดทุนอย่างน้อย 3 ปีและปีที่ 4 ค่อยมีกำไร แต่สำหรับไอร่า ลิสซิ่ง สามารถทำกำไรตั้งแต่ปีที่แล้วหรือปีที่ 3”
นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับดีลเลอร์ จำหน่ายเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ซึ่งตอบรับมาแล้ว 5 บริษัท อาทิ บริษัทกรุงไทย แทรคเตอร์ จำกัด (บจก.), บจก.เมโทร แมชชีนเนอรี, บจก. สยาม อินดัสเตรียล คอร์ปอเรชั่น ฯลฯ โดยจะทำงานร่วมกันและแนะนำลูกค้า
ส่วนกลยุทธ์การเติบโตจากการซื้อพอร์ต นายธีรธร กล่าวว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลง การแข่งขันเข้มข้นขึ้นและมาตรการธปท.ที่เข้ามา กำกับดูแล ทำให้เราเริ่มเห็นบริษัทขนาดกลางและเล็กอาจแข่งขันสู้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยากขึ้น
“3 เหตุผล คือ 1. การแข่งขัน 2. การถูกควบคุมโดยมาตรการของทางการมากขึ้น และ 3. เรื่องการลงทุนระบบเทคโนโลยี ทำให้หลายบริษัทอาจจะตัดสินใจไม่เติบโตต่อจึงเป็นโอกาสของเราในการเข้าไปซื้อพอร์ต อย่างน้อย 3-5 ปี จากนี้ โดยไอร่า ลิสซิ่ง อยู่ระหว่างเจรจากับนอนแบงก์อยู่ 3 ราย โดยใน 1 รายอยู่ในช่วงทำดิว ดิลิเจนต์”
ขณะเดียวกันแผนเติบโตในปีนี้ จะต่อยอดจาก “โครงการสินเชื่อสวัสดิการ ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 0%” ที่ได้นำร่องเมื่อปีที่แล้ว โดยได้เริ่มปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ให้กับพนักงานและในกลุ่มผู้ถือหุ้นรวม 15 บริษัท มีพนักงาน 4 พันคน และในปีนี้จะขยายโปรดักต์เช่าซื้อรถมือ 2 และ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือคาร์ฟอร์แคช ตั้งเป้าภายในปีนี้จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 5 หมื่นราย จากสิ้นปี 2561 มีประมาณ 4 พันราย พร้อมกันนี้จะขยายสินเชื่อสวัสดิการไปยังพนักงานบริษัทที่เป็นคู่ค้าและลูกค้าของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมี 64 บริษัทตอบรับเข้ามาแล้ว บริษัทได้เตรียมวงเงินรองรับ จากเงินทุนของผู้ถือหุ้น 500 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ 1,000 ล้านบาท
บริษัทตั้งเป้า ณ สิ้นปีนี้จะมีลูกค้า 5 หมื่นราย โดยจะขยายไปยังอีก 50 บริษัทที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีพอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มเป็น 2 พันล้านบาท หรือเติบโตเท่าตัวจาก ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปี 2561 บริษัทมีรายได้ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จาก 69 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 และมีกำไรสุทธิในปี 2561 ประมาณ 11 ล้านบาท บริษัทวางโรดแมปว่าจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณไตรมาส 3 ปี 2563
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3477 วันที่ 9-12 มิถุนายน 2562
