"เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์" ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย เตรียมเดินหน้าขออนุมัติผู้ถือหน่วยนำทรัสต์ AIMIRT เข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งห้องเย็น คลังสินค้า ถังเก็บสารเคมีเหลว จากผู้ประกอบการชั้นนำ รวม 4 โครงการ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้านบาท มั่นใจ! หนุนผลการดำเนินงาน คาดช่วยเพิ่มผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับกว่า 7.9%
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ
'AIMIRT' เปิดเผยว่า กองทรัสต์ AIMIRT เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อขออนุมัติการลงทุนเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ในอสังหาริมทรัพย์ รวมมูลค่าไม่เกิน 4,300 ล้านบาท
การขออนุมัติลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานของบริษัทฯ ที่ต้องการผลักดันขนาดทรัพย์สินและรายได้ของทรัสต์ AIMIRT ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเข้าลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรม (Industrial) ที่มีศักยภาพและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเป็นที่ต้องการของผู้เช่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 เท่า จากการเข้าลงทุนครั้งแรก ที่มีขนาดทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,140 ล้านบาท
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 มีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่
1.ห้องเย็นในโครงการเจดับเบิ้ลยูดี แปซิฟิก (ส่วนขยายเพิ่มเติม) ของกลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
2.คลังสินค้าโครงการ TIP 8 ของบริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด
3.ถังเก็บสารเคมีเหลวและคลังสินค้าโครงการ SCC ของบริษัท สยามเฆมี จำกัด (มหาชน) และ
4.คลังสินค้าโครงการสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ของบริษัท สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จำกัด
สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดล้วนมีจุดเด่นและมีมาตรฐานการก่อสร้างระดับเวิลด์คลาส อีกทั้งยังตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ จึงมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในไทยและต่างประเทศเข้ามาใช้บริการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มบริษัท ไทยออยล์, เอสโซ่ และโตชิบา เป็นต้น ซึ่งผู้เช่าเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมและมีเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคง นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ยังมีการกระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย ทั้งภาคการผลิต อาหาร ยารักษาโรค สินค้าอุปโภคบริโภค การก่อสร้าง รวมถึงการคมนาคม และโลจิสติกส์ ช่วยลดการกระจุกตัวของรายได้จากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
ดังนั้น จึงมีความมั่นใจว่า การขออนุมัติลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเพิ่มศักยภาพและขนาดทรัพย์สินของกองทรัสต์ AIMIRT ให้มั่นคงและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น และผลักดันรายได้ขยายตัวจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
"เรามั่นใจว่า หลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่ จะผลักดันผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน เนื่องจากเราได้คัดเลือกทรัพย์สินที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ เพื่อประโยชน์ของกองทรัสต์และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 7.9% ได้" นายจรัสฤทธิ์ กล่าว
อนึ่ง นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีนี้ กองทรัสต์ AIMIRT ได้จ่ายเงินปันผล จำนวน 3 ครั้ง รวม 0.5689 บาทต่อหน่วย โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7.6% ต่อปี