Play
"มิตรสิบ" ยื่นไฟลิ่ง หวังเข้าตลาดเอ็มเอไอปีนี้
นายณัชชา ยงค์สงวนชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตรสิบลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าในเดือนมิถุนายนนี้บริษัทจะยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
บริษัทมีแผนระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มเติม และขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ อีก 2-3 สาขา รวมถึงการชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 333.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 66 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 250 ล้านบาท มีแผนจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 167 ล้านหุ้น หรือ 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอได้ภายในปี 2561
[caption id="attachment_288281" align="aligncenter" width="503"]
ณัชชา ยงค์สงวนชัย[/caption]
บริษัท มิตรสิบลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รับจ้างสาธารณะหรือรถแท็กซี่เป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทปล่อยกู้ให้รถแท็กซี่ประมาณ 3,000 คัน คิดเป็นสินเชื่อประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายใหญ่อันดับต้นๆ ในขณะนี้ ปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยกู้รถแท็กซี่เป็นประมาณ 90% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการสินเชื่อแก่รถยนต์เชิงพาณิชย์อื่นๆ อาทิ รถสองแถว รถใช้ในการเกษตร รถแบ็กโฮ รถบรรทุก ซึ่งจะขยายเพิ่มเติมขึ้นในอนาคต และบริษัทยังมีแผนขยายการปล่อยสินเชื่อแฟกตอริงเพิ่มเติมขึ้นด้วย
ผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้บันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ที่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งสำรอง 15 ล้านบาท แต่ในปี 2560 บริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก 18 ล้านบาท สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 20% โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท
นายณัชชากล่าวว่า ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ในระบบทั้งหมดประมาณ 80,000-90,000 คัน ภาวะของธุรกิจปัจจุบันรถแท็กซี่มียอดขายที่ดีขึ้นทั้งรถใหม่ป้ายแดง และรถแท็กซี่มือ 2 และในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับทางดีลเลอร์ของรถยนต์โตโยต้าเพื่อให้สินเชื่อเช่าซื้อด้วย
ทางด้านความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ นายณัชชากล่าวว่าบริษัทมีความเสี่ยงค่อนข้างตํ่า เนื่องจากได้มีการติดตั้ง GPS เพื่อบอกตำแหน่งรถยนต์ทุกคันที่บริษัทปล่อยสินเชื่อ หากเกิดกรณีการผิดนัดชำระหนี้ ก็สามารถติดตามหารถได้
นายณัชชากล่าวว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท มีนาลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกรายหนึ่ง และมีผู้ร่วมทุนอีก 2 ราย เพื่อก่อตั้งบริษัท แอพแท็กซี่ จำกัด เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการผู้ใช้ในการเรียกรถแท็กซี่ที่อยู่ในระบบมีการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง เป็นแอพพลิเคชันที่ดูง่ายใช้ง่ายทั้งกับผู้โดยสารและคนขับรถแท็กซี่ ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่ให้บริการผ่านแอพแท็กซี่จำนวน 2,000-3,000 คัน เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในอนาคตบริษัทยังมีโครงการต่อยอดเพิ่มการให้บริการผ่านแอพแท็กซี่ให้ครบวงจรมากขึ้น อาทิ โครงการแท็กซี่วีไอพี
“ในขณะนี้ต้องการสร้างให้มีคนขับแท็กซี่เข้าร่วมให้บริการผ่านแอพให้มีจำนวนมากขึ้น รวมถึงมีมาตรฐานการให้บริการที่ดี เมื่อมีฐานคนขับรถผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ ก็จะเป็นผลดีในระยะยาว และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ”
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,373 วันที่ 10-13 มิถุนายน 2561
บริษัทมีแผนระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มเติม และขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ อีก 2-3 สาขา รวมถึงการชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 333.50 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 66 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 250 ล้านบาท มีแผนจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 167 ล้านหุ้น หรือ 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอได้ภายในปี 2561
[caption id="attachment_288281" align="aligncenter" width="503"]
บริษัท มิตรสิบลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รับจ้างสาธารณะหรือรถแท็กซี่เป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทปล่อยกู้ให้รถแท็กซี่ประมาณ 3,000 คัน คิดเป็นสินเชื่อประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายใหญ่อันดับต้นๆ ในขณะนี้ ปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยกู้รถแท็กซี่เป็นประมาณ 90% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการสินเชื่อแก่รถยนต์เชิงพาณิชย์อื่นๆ อาทิ รถสองแถว รถใช้ในการเกษตร รถแบ็กโฮ รถบรรทุก ซึ่งจะขยายเพิ่มเติมขึ้นในอนาคต และบริษัทยังมีแผนขยายการปล่อยสินเชื่อแฟกตอริงเพิ่มเติมขึ้นด้วย
ผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้บันทึกตามมาตรฐานบัญชีใหม่ที่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งสำรอง 15 ล้านบาท แต่ในปี 2560 บริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก 18 ล้านบาท สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 20% โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท
นายณัชชากล่าวว่า ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ในระบบทั้งหมดประมาณ 80,000-90,000 คัน ภาวะของธุรกิจปัจจุบันรถแท็กซี่มียอดขายที่ดีขึ้นทั้งรถใหม่ป้ายแดง และรถแท็กซี่มือ 2 และในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับทางดีลเลอร์ของรถยนต์โตโยต้าเพื่อให้สินเชื่อเช่าซื้อด้วย
นายณัชชากล่าวว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท มีนาลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกรายหนึ่ง และมีผู้ร่วมทุนอีก 2 ราย เพื่อก่อตั้งบริษัท แอพแท็กซี่ จำกัด เพื่อพัฒนาแอพพลิเคชันให้บริการผู้ใช้ในการเรียกรถแท็กซี่ที่อยู่ในระบบมีการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง เป็นแอพพลิเคชันที่ดูง่ายใช้ง่ายทั้งกับผู้โดยสารและคนขับรถแท็กซี่ ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่ให้บริการผ่านแอพแท็กซี่จำนวน 2,000-3,000 คัน เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในอนาคตบริษัทยังมีโครงการต่อยอดเพิ่มการให้บริการผ่านแอพแท็กซี่ให้ครบวงจรมากขึ้น อาทิ โครงการแท็กซี่วีไอพี
“ในขณะนี้ต้องการสร้างให้มีคนขับแท็กซี่เข้าร่วมให้บริการผ่านแอพให้มีจำนวนมากขึ้น รวมถึงมีมาตรฐานการให้บริการที่ดี เมื่อมีฐานคนขับรถผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ ก็จะเป็นผลดีในระยะยาว และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ”
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,373 วันที่ 10-13 มิถุนายน 2561