ปรับโครงสร้างบริหารธุรกิจพรมสร้างแบรนด์ “Royal Thai” สู่ระดับโลก จับมือญี่ปุ่นขยายตลาดใหม่ กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ดันเข้าระดมทุนตลาดหุ้นประเทศอังกฤษ เร่งรุก E-Commerce ควบคู่เปิดตลาดใหม่
หลังจากขยายการลงทุนผ่านกลยุทธ์การควบรวมอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาบริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : TCMC ได้แต่งตั้ง ม.ล.วัลลีวรรณ วรวรรณ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าที่บริหารตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ ม.ล.วัลลีวรรณ ถึงทิศทางธุรกิจของ TCMC หลังจากนี้ไป
ม.ล.วัลลีวรรณกล่าวว่า จากรายได้ในปี 2560 ที่ 7,700 ล้านบาท ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้นมาถึงระดับ 10,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 45% ธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น 37%, และธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุในรถยนต์และรถโดยสาร 18%
ในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ TCMC อยู่ระหว่างจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจบริษัทลูก 5 ราย (ในประเทศอังกฤษ 4 บริษัท และในไทย 1 บริษัท) ให้เกิดประสิทธิ ภาพ และเอื้อประโยชน์ระหว่างกัน ที่ผ่านมาเน้นขายในประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ มีสินค้าหลากหลายและกลุ่มลูกค้าหลายระดับ บริษัทมีแผนจะขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ มายังประเทศไทย เอเชีย จีน และออสเตรเลีย รวมถึงขยายการทำตลาดผ่านช่องทาง E-Commerce เพิ่มขึ้น
คาดว่าจะจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจได้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ หลังจากนั้นมีเป้าหมายจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สำหรับบริษัทขนาดกลางในประเทศอังกฤษ เพื่อระดมเงินทุนและขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
สำหรับกลุ่มธุรกิจพรมและวัสดุปูพื้น บริษัทได้เข้าซื้อกิจการไทปิง คาร์เปท อินเตอร์เนชั่นแนลเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุน 3.14 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพรมเพิ่มขึ้นมาเป็น 37% ของรายได้รวมในปีนี้ บริษัทมีภารกิจเร่งด่วนในการจัดโครงสร้างการบริหารงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน ทำอัตรากำไรขั้นต้น
ได้ดีขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตพรมชั้นนำของโลก โดย TCMC ได้สร้างแบรนด์ “Royal Thai” เพื่อส่งขายทั่วโลก 85-90% โดยขายในประเทศ 10-15%
บริษัทได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้ขายพรมรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อขยายตลาดส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 และมีการพิจารณากฎหมายใหม่เพื่ออนุญาตการทำกาสิโนได้อย่างถูกกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำให้มีความต้องการใช้พรมจำนวนมาก ทั้งการตกแต่งปรับปรุงโรงแรม และการใช้ในกาสิโนใหม่ๆที่จะเปิด
สำหรับธุรกิจพรมและผ้าหุ้มบุภายในรถยนต์ ถือว่าไม่ได้หวือหวา เติบโตตามยอดการขาย และยอดการผลิตรถยนต์ ประมาณ 4-5% ต่อปี แต่ก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ให้บริษัทได้มั่นคงต่อเนื่อง
ม.ล.วัลลีวรรณ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมาบริษัทขาดทุนประมาณ 16 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 53 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นไปตามฤดูกาลของธุรกิจพรมที่ไตรมาสแรกจะลดลง แต่ในไตรมาส 1 ปี 2560 ที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นมาชดเชยธุรกิจพรมได้ แต่เมื่อไปซื้อกิจการพรมเข้ามาเพิ่มในปลายปีที่แล้ว ทำให้สัดส่วนธุรกิจพรมเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามธุรกิจพรมจะเติบโตได้ดีในไตรมาส 3 และ 4 และเชื่อว่าตามเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้จะทำได้ 10,000 ล้านบาทตามเป้า
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับวันที่ 24-26 พ.ค. 2561