KTAM เป้าสินทรัพย์ 7 แสนล. ลงทุนปีวอก เห็นโอกาสตลาดหุ้นยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย

28 ม.ค. 2559 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ม.ค. 2559 | 09:43 น.
บลจ.กรุงไทยฯ ตั้งเป้าปี 59 สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 7.14 แสนล้าน โต 15% ขยายฐานลูกค้ารายย่อยต่อเนื่อง มีแผนออกกองทุนใน-ต่างประเทศ เห็นโอกาสหุ้นยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย ตลาดจีนรอให้เสถียรภาพ พร้อมจับตาผลปฏิรูปเศรษฐกิจ ดัชนีหุ้นไทย คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,150 - 1,480 จุด

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTAM) เปิดเผยว่า ปี 2559 บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอยูเอ็ม)ที่ 7.14 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2558 มีนโยบายขยายฐานลูกค้ารายย่อย และมีแผนออกกองทุนใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เริ่มบทบาทใหม่ ในเรื่อง PE Trust Manager และ PE Manager ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจรายเล็กๆ ได้เติบโตในอุตสาหกรรมได้

สำหรับปี 2558 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2558 ที่ 6.18 แสนล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ประมาณ 4% นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนบลจ.กรุงไทยฯ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวในระดับตํ่า และจะเผชิญกับความผันผวนจากการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงจากความตกตํ่าของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์

แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้น โอกาสการลงทุนจะอยู่ที่ตลาดหุ้นยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง นโยบายการเงินผ่อนคลาย อัตรากำไรเติบโตสูง และระดับราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่ได้สะท้อนความความหวังต่อเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว

ส่วนของตลาดเกิดใหม่ ในครึ่งปีแรกจะเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง ค่าเงินมีแนวโน้มอ่อนค่า การปรับลดลงอย่างมากของราคาหุ้น ทำให้เริ่มน่าสนใจลงทุน แต่ต้องจับจังหวะตลาด ซึ่งบลจ.กรุงไทยฯ ยังมองโอกาสการลงทุนในอินเดียที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตรากำไรอยู่ในระดับสูง

ขณะที่จีนรอให้ตลาดมีเสถียรภาพ และต้องจับตาดูผลของการปฏิรูปเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยยังคาดหวังต่อแผนการลงทุนของภาครัฐ การเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการบริโภค คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในช่วง 1,150 - 1,480 จุด

ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากสภาพคล่องที่มีอยู่สูงมาก และคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะคงในระดับต่ำไปถึงปลายปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

"กลยุทธ์การลงทุนหลักในปีนี้ บริษัท คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 3 - 6% โดยเน้นกระจายการลงทุนเพื่อลดความผันผวน และเน้นการลงทุนในหุ้น รวมถึงสินทรัพย์ที่สร้างกระแสรายได้อื่นๆ เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองรีทส์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน" นายวีระกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,126 วันที่ 28 - 30 มกราคม พ.ศ. 2559