ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง SKNจ่อเข้าSETปีนี้

18 ก.ค. 2560 | 10:24 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2560 | 17:24 น.
 

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง “ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์” ( SKN ) ผู้นำการผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ พร้อมเดินหน้าระดมทุนเข้าตลาด SET ภายในปีนี้ ด้าน “วิชัย แสงวงศ์กิจ” เอ็มดีบริษัทฯ มั่นใจ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการขยายกำลังการผลิต

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN ) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต) ได้นับหนึ่งไฟลิ่ง แบบข้อมูลเสนอขายหุ้นของ SKN แล้วในวันที่ 19 ก.ค 2560 คาดจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้

ปัจจุบัน SKN มีทุนจดทะเบียนจำนวน 800 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ทุนเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท และเสนอขายหุ้นไอพีโอ 200 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

วัตถุประสงค์หลักของการระดมทุนครั้งนี้ คือเพื่อลงทุนเพิ่มสายการผลิตอีก 1 สาย ซึ่งจะช่วยขยายกำลังการผลิตของบริษัทอีกกว่า 1 เท่าตัว จากกำลังการผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในปัจจุบันที่ 240,000 ลบ.ม. เป็น 500,000 ลบ.ม. ภายในช่วงกลางไตรมาสที่ 3 ปี 2561 เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าซึ่งมีอยู่ทั่วโลก ส่วนที่เหลือจากโครงการข้างต้นจะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และชำระเงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สำหรับจุดเด่นของธุรกิจ SKN ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศ ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จากความเข้มแข็งของทีมบริหารซึ่งอยู่ในวงการธุรกิจไม้มายาวนาน เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตมีเทคโนโลยีทันสมัย ความสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปี 2559 มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 36.72 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 17.60

นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN เปิดเผยว่า แนวโน้มความต้องการใช้แผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2558 ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ดังจะเห็นได้จากการที่ บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากลูกค้าเพื่อสั่งซื้อแผ่นไม้เอ็มดีเอฟเพิ่มเติม แต่เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตในปัจจุบันของบริษัทฯ อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว จึงทำให้ต้องปฏิเสธคำสั่งซื้อดังกล่าวไป ซึ่งเป็นเหตุผลหลักของการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เพื่อนำมาใช้ขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกกว่าเท่าตัว เป็นโอกาสที่สนับสนุนให้ บริษัทฯ สร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นในระยะยาว และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่