‘โกลบอล อินคัม’ยีลด์ 7-8% ชนะดอกเบี้ยขาขึ้น ทหารไทยยันโอกาสเบี้ยวหนี้ต่ำ

16 ก.ค. 2560 | 05:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บลจ.ทหารไทยฯ มองเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบ “กองทุนโกลบอล อินคัม” ไม่มาก แม้ลงทุนไฮยีลด์บอนด์มาก ชูอายุตราสารหนี้สั้น 2 ปี ด้านผลตอบแทนสูง ชดเชยราคาตราสารหนี้ลดได้

นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทหารไทยจำกัดเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้ยังคงมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล อินคัม (TMBGINCOME)อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น โดยเชื่อว่าจะไม่กระทบผลตอบแทนของกองทุนมากนัก เพราะเน้นลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภททั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกมากกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนผ่านกองทุนหลัก คือ PIMCO GIS Income Fund

อัตราดอกเบี้ยที่กองทุนได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้ครอบคลุมความเสี่ยงจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น โดยปัจจุบันผลตอบแทนกองทุนประมาณ 7-8% และอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนตํ่ากว่าดัชนีชี้วัด โดยพอร์ตกองทุนหลักอายุเฉลี่ยตราสาร 2 ปี ถือเป็นจุดเด่นของกองทุนสไตล์ Unconstrained ซึ่งลดข้อจำกัดโดยไม่ได้ลงทุนอิงตามดัชนีชี้วัด จึงมีความยืดหยุ่นในการลงทุนและสามารถเตรียมตั้งรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นได้

ทั้งนี้ กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล อินคัม มีเงินไหลเข้าลงทุนสูงสุดในระบบกว่า 4 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีแรกนี้ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีเงินไหลเข้าสูงสุดเช่นกันกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่กองทุนเพิ่งจัดตั้งเดือนพฤษภาคม 2560 และปัจจุบันอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท สูงสุดของกลุ่มกองทุนต่างประเทศ

[caption id="attachment_179193" align="aligncenter" width="335"] ไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)[/caption]

นายไพศาล กล่าวว่า กองทุนหลักบริหารจัดการเชิงรุก ปัจจุบันลงทุนตราสารหนี้ Investment Grade50% ของพอร์ตและไม่เกิน 50% ลงทุนตํ่ากว่าระดับ Investment Grade หรือไม่มีอันดับเครดิต ซึ่งเป็นไฮยีลด์บอนด์ ให้ผลตอบแทนสูงและลงทุนตราสารหนี้ที่มีการจดจำนอง (MBS) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์หลักสร้างกระแสรายได้ให้อยู่ระดับสูงและสมํ่าเสมอ วัตถุประสงค์รองสร้างการเพิ่มค่าของเงินต้นระยะยาว โดยกองทุนในไทยมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เพื่อให้นักลงทุนมีรายได้ระหว่างทาง

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตจึงมองโอกาสที่ผู้ออกตราสารหนี้จะผิดนัดชำระมีค่อนข้างน้อยและคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ครึ่งปีหลังความกังวลของตลาด คือ เฟดขึ้นดอกเบี้ยและลดคิวอี ทำให้คนกลัวตราสารหนี้ถูกกระทบ จากการบันทึกราคาตามราคาตลาด (มาร์ก ทู มาร์เก็ต) ขณะที่พอร์ตลงทุนของกองทุนกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายบริษัทและลงทุนในแต่ละบริษัทสัดส่วนไม่ถึง 10%” นายไพศาล กล่าวปัจจุบันกองทุนประเภท Income Fund เน้นสร้างกระแสรายได้สมํ่าเสมอที่เน้นลงทุนต่างประเทศมีทั้งกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสม จึงต้องดูนโยบายลงทุนให้ดี

อย่างไรก็ตามบริษัทยังแนะนำกองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล อินคัม เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่ไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาลงทุน แนะนำให้จัดพอร์ตกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อสร้างผลตอบแทนรวม เพราะหากลงทุนแต่ในตราสารหนี้ผลตอบแทนจะอยู่ระดับตํ่า ขณะที่ดอกเบี้ยขาขึ้นเศรษฐกิจฟื้นส่งผลดีต่อตลาดหุ้น จึงควรมีเงินลงทุนในหุ้นบ้าง หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจลงทุนหุ้น 5% หรือลงทุนกองทุนหุ้นที่มีความผันผวนตํ่าและแนะนำกองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยและสิงคโปร์

นายไพศาล กล่าวว่า แนวโน้มหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังขาดปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้นระดับ 1,600 จุด อาจยังไปไม่ถึงและคงต้องลุ้นปลายปี 1,650 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยมีเงินรอเข้าซื้อจำนวนมาก ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุนมากนัก เพราะมองว่าหุ้นไทยแพงและเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัด ดัชนีจึงเคลื่อนไหวแคบๆ หากเห็นสัญญาณต่างชาติเข้าซื้ออย่างมีนัยสำคัญ เชื่อว่านักลงทุนรายย่อยจะเข้าซื้อตาม ตลาดตอนนี้ขาดผู้นำซื้อหุ้น อย่างไรก็ตามโดยรวมปีนี้ต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยสุทธิกว่าหมื่นล้านบาท รวมทั้งซื้อตราสารหนี้ด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,279 วันที่ 16 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560