เคลื่อนสตาร์ทอัพผ่าน SMEs Private Equity Trust Fund

13 มิ.ย. 2560 | 07:47 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2560 | 14:47 น.
ออมสินผนึกตลาดหลักทรัพย์ฯ เคลื่อนสตาร์ทอัพผ่าน SMEs Private Equity Trust Fund

แบงก์ออมสิน จับมือตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมลงทุน 1,500ล้านบาทผ่าน SMEs Private Equity Trust Fundอีก 2 กองหลังนำร่องแล้ววงเงิน 500 ล้านบาท เผยอนุมัติผู้ประกอบการ 9รายวงเงิน 300ล้านบาท

วันนี้ (13 มิถุนายน 2560) ณ หอประชุมบุรฉัตร ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีลงนามในสัญญาจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund กองที่ 2 วงเงิน 500 ล้านบาท และกองทุนที่ 3 วงเงิน 1,000 ล้านบาท ระหว่าง ธนาคารออมสิน กับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมในพิธี

[caption id="attachment_161729" align="aligncenter" width="335"] ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ดร.สมชัย สัจจพงษ์[/caption]

ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs Startup ที่อยู่ในระดับ Idea Stage ที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้เป็นจำนวนมาก แต่ขาดการสนับสนุนด้านเงินทุน รัฐบาลจึงออกมาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs Startup ภายใต้การดำเนินการของกระทรวงการคลัง โดยธนาคารออมสิน เป็นจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน จำนวนเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ SMEs Startup ที่มีศักยภาพสูง หรืออยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อการขยายเศรษฐกิจของประเทศตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558

ที่ผ่านมาออมสินได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนไปแล้ว 1 กองทุน วงเงิน 500 ล้านบาท และครั้งนี้จะเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อการร่วมลงทุนร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพิ่มเติมอีก 2 กองทุน วงเงิน 500 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาท เป็นอีกครั้งของการร่วมใจผลักดันนโยบายภาครัฐที่จะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs Startup ให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม

[caption id="attachment_161734" align="aligncenter" width="440"] นายชาติชาย พยุหนาวีชัย นายชาติชาย พยุหนาวีชัย[/caption]

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ออมสินได้ จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund กองที่ 2 วงเงินลงทุน 500 ล้านบาท และกองที่ 3 วงเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งกองที่ 2 มีบริษัท เอกซ์พารา (ไทยแลนด์) จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ มี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าทึ่เป็นทรัสตี ส่วนกองที่ 3 มีบริษัท พรีเมียร์แอ๊ดไวเซอร์รี่ กรุ๊ป จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าทึ่เป็นทรัสตี

+ในปี 2560 ธนาคารฯ ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 543 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,932 ล้านบาท ขณะที่SMEs Private Equity Trust Fund กองทุนที่ 1 มีการอนุมัติร่วมลงทุนไปแล้ว 6 ราย คิดเป็นวงเงิน 165 ล้านบาทและอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนเพิ่มอีก 3 ราย คิดเป็นวงเงิน 120 ล้านบาท และเพื่อให้ธนาคารออมสินได้อำนวยความสะดวกให้กลไกต่างๆ ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วขึ้น จึงมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร เพิ่มสายงานลูกค้าธุรกิจ SMEs ที่มี 3 ฝ่ายงานใหม่ ดูแลด้าน SMEs และ SMEs Startup โดยเฉพาะ ทำให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ฉับไว และถูกต้อง ดังนั้น การจัดตั้งกองทุนเพื่อการร่วมลงทุน SMEs Private Equity Trust Fund กองที่ 2 และกองที่ 3 รวมวงเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ในครั้งนี้ หากรวมกองที่ 1 ที่จัดตั้งไปเมื่อปีที่ผ่านมา 500 ล้านบาท วงเงินรวมทั้งหมดครบ 2,000 ล้านบาท ตามวงเงินที่ธนาคารได้รับมอบหมายจากรัฐบาลแล้ว

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม คือ 1.SMEs ระยะเริ่มต้น (Start – up Stage) ที่มีศักยภาพสูง 2.SMEs ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ 3.SMEs ที่เป็น Supplier ธุรกิจภาครัฐและภาคเอกชนขนาดใหญ่ หรือเป็นสมาชิกของสภาหอการค้าไทย หรือหน่วยงานภาครัฐ และ 4.SMEs ที่เป็นกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise)

ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ และพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ธุรกิจ Startup และกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” เพื่อให้ธุรกิจดังกล่าวได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนสร้างโอกาสการเติบโต ที่ผ่านมา มีธุรกิจกลางและขนาดย่อมเข้าจดทะเบียนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้ว 162 บริษัท มูลค่าการระดมทุนประมาณ 99,057 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 23 บริษัทที่เติบโตจนย้ายเข้าไปซื้อขายใน SET ความร่วมมือกับธนาคารออมสินในครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนมาก และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป