AECS เตรียมดันหุ้น IPO เข้าตลท. 4 -6 บริษัท  M&A 2 ดีล 

11 เม.ย. 2560 | 06:30 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บล.เออีซี  เร่งปรับกลยุทธ์ กระจายความเสี่ยงของรายได้ พร้อมจัดทัพรับมือการแข่งขันทางธุรกิจ เผยปีนี้เตรียมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 4 สาขา  ชูจุดยุทธศาสตร์สาขา 4 มุมเมือง   เล็งนำหุ้นไอพีโอ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4-6 บริษัท  และ ดีล M&A อีก 2 ดีล พร้อมพัฒนาเครื่องมือเทรด  Block trade เจาะกลุ่มลูกค้า

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จํากัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2560 บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาระดับมาเก็ตแชร์ให้ที่ระดับ 2.8% จากปีก่อนที่มีมาเก็ตแชร์ที่ 2.73% หรืออยู่อันดับที่ 15 โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร และเครื่องมือในการให้บริการที่มีความหลากหลายมากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์ในการให้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในปีนี้ บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญในการขยายสาขาเพิ่ม เพื่อรองรับตามแผนยุทธศาสตร์ 4 มุมเมือง โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 4 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 14 สาขา ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่  โดยล่าสุด บริษัทฯได้เปิดสาขาที่โคราช จังหวัดนครราชสีมา เพิ่ม ซึ่งสาขาดังกล่าวถือเป็นการเปิดประตูสู่อีสาน ส่วนสาขาอื่นๆนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดสาขาใหม่ ในพื้นที่ภาคตะวันออก  ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ตามนโยบายของภาครัฐในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี  (AECS) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับธุรกิจด้านวาณิชธนกิจในปีนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะนำบริษัทผู้ประกอบทางธุรกิจ ทั้งขนาดกลาง และ ขนาดเล็ก อาทิ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ ธุรกิจด้านสุขภาพ และธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เบื้องต้นประมาณ 4-6 บริษัทภายในปีนี้ และยังมีดีลการซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ประมาณ 2 ดีล หรือแม้แต่การเข้าไปเป็นปรึกษาการเงินอิสระ(IFA)

บริษัทฯเตรียมขยายฐานกลุ่มนักลงทุนสถาบันมากขึ้น โดยบริษัทฯตั้งเป้ากลุ่มนักลงทุนดังกล่าว เบื้องต้นประมาณ 4-5 ราย สาเหตุที่บริษัทฯมีแผนการขยายฐานกลุ่มนักลงทุนดังกล่าวเนื่องจาก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเสริมฐานลูกค้าของบริษัทฯ แต่ในขณะเดียวกันบริษัทฯก็ยังคงขยายฐานกลุ่มนักลงทุนทั่วไปเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ มีแผนที่จะพัฒนาเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับระบบการเทรดใหม่ๆ อาทิ  Block Trade ซึ่งเป็นวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย Single Stock Futures (SSF)ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ ซึ่งต้องยอมรับว่า SSF เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้พอร์ทการลงทุนของนักลงทุนได้ ในขณะเดียวกัน Block Trade ใช้เงินน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนเริ่มหันมาเล่น Block Trade มากขึ้น ดังนั้น จากเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆจึงทำให้ทางบริษัทฯ เร่งพัฒนาระบบ รวมถึง อบรมให้ความรู้พนักงานเจ้าหน้าที่การตลาด ให้เข้าถึงระบบการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว และสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในสภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้นและขาลงได้ เพื่อให้ตอบโจทย์การลงทุนได้มากขึ้น