อธิบดีกรมวิชาการเกษตร "บุกเชียงราย ดัน ‘กาแฟล้านต้น’ ปั้นไทยสู่ฮับกาแฟพรีเมียมโลก

28 ธ.ค. 2568 | 07:09 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ธ.ค. 2568 | 07:57 น.

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงพื้นที่เชียงรายเร่งปั้นศูนย์ความเป็นเลิศกาแฟอะราบิกาครบวงจรขับเคลื่อนโครงการ “กาแฟ 1 ล้านต้นบนพื้นที่สูง” ลดนำเข้า สร้างรายได้ยั่งยืน

KEY

POINTS

  • กรมวิชาการเกษตรลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อขับเคลื่อนโครงการ “กาแฟ 1 ล้านต้นบนพื้นที่สูง” โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางกาแฟพรีเมียมของโลก
  • ยกระดับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงรายให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผลิตกาแฟอะราบิกาคุณภาพสูงแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ การแปรรูป จนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์
  • ส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์ดีมูลค่าสูง เช่น พันธุ์เกอิชา (Geisha) ควบคู่กับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิต แก้ปัญหาการนำเข้า และสร้างรายได้ที่

วันที่ 28 ธันวาคม 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร พร้อมด้วยนางศศิญา ปานตั้น รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย เพื่อผลักดันการยกระดับศูนย์ดังกล่าวสู่การเป็น “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการผลิตกาแฟอะราบิกาครบวงจรในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน” และเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนโครงการ “กาแฟ 1,000,000 ต้นบนพื้นที่สูง” ตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า กาแฟอะราบิกาถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่สูง โดยปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกาแฟอะราบิกาประมาณ 129,778 ไร่ ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 15,568 ครัวเรือน ซึ่งร้อยละ 98 กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และจังหวัดเชียงรายเป็นแหล่งปลูกกาแฟอะราบิกาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ต้องนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศมากกว่า 80,000 ตันต่อปี

ขณะเดียวกัน เกษตรกรในพื้นที่สูงยังเผชิญข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งประสิทธิภาพการผลิต การจัดการแปลงปลูก การควบคุมศัตรูพืช รวมถึงการดูแลหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งล้วนส่งผลต่อคุณภาพและมูลค่าผลผลิต กรมวิชาการเกษตรจึงกำหนดให้จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาโมเดลการผลิตกาแฟคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อเป็นต้นแบบขยายผลไปยังพื้นที่อื่น และลดการพึ่งพาการนำเข้าในระยะยาว

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร "บุกเชียงราย ดัน ‘กาแฟล้านต้น’ ปั้นไทยสู่ฮับกาแฟพรีเมียมโลก

ภายใต้แนวทางดังกล่าว ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย ถูกวางบทบาทให้เป็นศูนย์ต้นแบบการพัฒนากาแฟอะราบิกาตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่การคัดเลือกและขยายพันธุ์ การจัดการแปลงปลูก การป้องกันกำจัดศัตรูพืช การแปรรูปเมล็ดกาแฟ ไปจนถึงกระบวนการคั่วและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของโครงการ “กาแฟ 1 ล้านต้นบนพื้นที่สูง” ในระยะต่อไป

สำหรับองค์ประกอบสำคัญของศูนย์ต้นแบบ ประกอบด้วยการส่งเสริมพันธุ์กาแฟแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ กวก.เชียงราย 1 กวก.เชียงราย 2 และ กวก.เชียงใหม่ 1 ควบคู่กับการพัฒนาและขยายพันธุ์กาแฟเกอิชา (Geisha/Gesha) ซึ่งเป็นกาแฟอะราบิกาคุณภาพสูงที่ได้รับความนิยมในตลาดกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) และมีมูลค่าสูง

ด้านการจัดการศัตรูพืช ศูนย์ฯ นำชีวภัณฑ์ Beauveria bassiana สายพันธุ์ DOA-B18 มาใช้ควบคุมมอดเจาะผลกาแฟ ช่วยลดการใช้สารเคมีและรักษาคุณภาพเมล็ดกาแฟ ขณะเดียวกันยังพัฒนานวัตกรรมสนับสนุนการผลิต เช่น แผ่นเทียบสีผลกาแฟ เพื่อช่วยให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวในระยะสุกที่เหมาะสม เพิ่มความสม่ำเสมอและคุณภาพของผลผลิต

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร "บุกเชียงราย ดัน ‘กาแฟล้านต้น’ ปั้นไทยสู่ฮับกาแฟพรีเมียมโลก

ในส่วนของการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ศูนย์ฯ ได้จัดตั้งโรงอบแห้งกาแฟกะลาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบแปรรูปเมล็ดกาแฟ และโรงคั่วกาแฟต้นแบบ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในพื้นที่ พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงเสริมอย่างมะคาดาเมีย เพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่สูงอย่างคุ้มค่าและกระจายแหล่งรายได้ให้เกษตรกร

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรย้ำว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงรายต้องทำหน้าที่เป็นแหล่งถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ได้จริง ทั้งด้านการขยายพันธุ์กาแฟเกอิชาและมะคาดาเมีย การผลิตกาแฟคุณภาพสูงตามมาตรฐาน และการต่อยอดสู่การแปรรูปเชิงลึก โดยระบุว่า เมื่อองค์ความรู้ถูกนำไปใช้ในแปลงจริง ผลลัพธ์ที่ต้องเกิดขึ้นคือรายได้ที่เพิ่มขึ้น คุณภาพเมล็ดกาแฟที่ดีขึ้น และการประกอบอาชีพบนพื้นที่สูงที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร "บุกเชียงราย ดัน ‘กาแฟล้านต้น’ ปั้นไทยสู่ฮับกาแฟพรีเมียมโลก

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรเตรียมเชื่อมโยงความร่วมมือกับภาคเอกชน สหกรณ์ และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อผลักดันกาแฟไทยคุณภาพสูงสู่ตลาดสากล ลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรบนพื้นที่สูง ตามแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่และเชิงพืชเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม