KEY
POINTS
อุตสาหกรรมกุ้งไทย ในปี 2569 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากแรงหนุนทั้งตลาดส่งออกและการบริโภคในประเทศ ขณะที่ปัจจัยด้านการค้าโลกเริ่มเอื้อประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีนำเข้าของตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้กุ้งไทยกลับมาชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งรายสำคัญ
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า ปี 2569 จะเป็น “โอกาสครั้งใหญ่” ของอุตสาหกรรมกุ้งไทย หลังสหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษี Reciprocal สำหรับกุ้งนำเข้าจากอินเดียในอัตรา 50% เมื่อรวมกับภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) 2.01–5.32% และภาษีตอบโต้การอุดหนุน (CVD) 5.77% ส่งผลให้กุ้งอินเดียถูกเรียกเก็บภาษีรวมสูงถึง 57.78–61.09% กระทบความสามารถในการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ อินเดียส่งออกกุ้งไปตลาดสหรัฐเฉลี่ยปีละกว่า 300,000 ตัน หากราคาสินค้าปรับสูงขึ้นตามภาษี จะเป็นช่องว่างให้กุ้งไทยเข้าไปทดแทน เนื่องจากไทยเสียภาษีนำเข้าเพียง 19% ต่ำกว่าอินเดีย และใกล้เคียงกับเอกวาดอร์ คู่แข่งอันดับ 1 ของตลาดโลก ขณะที่ประเทศคู่แข่งอื่น เช่น เวียดนาม มีภาษีรวมกว่า 58% และอินโดนีเซีย 22.9%
สำหรับตลาดสหรัฐ ปัจจุบันยังคงเป็นหนึ่งใน 5 ตลาดส่งออกกุ้งหลักของไทย โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.–ต.ค.) ไทยส่งออกกุ้งไปสหรัฐ 20,465 ตัน มูลค่า 7,975 ล้านบาท เป็นรองเพียงญี่ปุ่น ซึ่งนำเข้า 25,008 ตัน มูลค่า 8,284 ล้านบาท และจีน 24,030 ตัน มูลค่า 7,843 ล้านบาท
ด้านตลาดญี่ปุ่น ยังคงมีศักยภาพสูงในปี 2569 จากโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุและความต้องการสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) ขณะที่ตลาดจีนเริ่มฟื้นตัว โดยให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัยและสินค้าพรีเมียม เช่น กุ้งกุลาดำต้ม ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย
ไฮไลต์สำคัญในปี 2569 คือ ตลาดสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยบวกใหม่ หากไทยสามารถเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–อียู และไทย–สหราชอาณาจักร (FTA Thai-EU และ FTA Thai-UK) ได้สำเร็จ จะช่วยเปิดช่องทางส่งออกเพิ่มเติม หลังจากที่ผ่านมาไทยสูญเสียสิทธิ GSP ทำให้การส่งออกจากเดิมกว่า 60,000 ตัน ลดลงเหลือเพียงประมาณ 200 ตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากกำลังซื้อและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่ง พลัส สะท้อนจากการบริโภคกุ้งในประเทศที่เพิ่มจาก 1.12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เป็น 2.68 กิโลกรัมต่อคนต่อปี รวมถึงเป้าหมายเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 34 ล้านคน เป็น 40 ล้านคน ซึ่งจะช่วยหนุนดีมานด์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญยังอยู่ที่ภาคการผลิต หลังอุตสาหกรรมกุ้งไทยเผชิญวิกฤตโรคกุ้งตายด่วน (EMS) ต่อเนื่องกว่า 13 ปี ทำให้ผลผลิตลดลงจากระดับ 600,000 ตัน เหลือเพียง 270,000 ตัน สร้างความเสียหายเฉลี่ยปีละกว่า 50,000 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 650,000 ล้านบาท
สมาคมกุ้งไทยเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณ 5,400 ล้านบาท ผลักดัน “กุ้งเป็นวาระแห่งชาติ” เพื่อฟื้นผลผลิตสู่ระดับ 400,000 ตัน ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพห้องเย็นในประเทศ และคาดว่าจะสร้างรายได้กลับคืนสู่เศรษฐกิจไทยในระดับ “แสนล้านบาท” ต่อปี