KEY
POINTS
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 2,622 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% และมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมลงทุน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุดคือ ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ และยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งถือเป็นสามเสาหลักของเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย
โดยดิจิทัล เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ตามการเติบโตของเทคโนโลยี AI และความต้องการบริการคลาวด์ มีมูลค่าเงินลงทุน 612,768 ล้านบาท (119 โครงการ) ในจำนวนนี้ มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่สำคัญอย่าง Data Center ระดับโลกจากทั้งยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และไทย มายื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 34 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 6 แสนล้านบาท นอกจากนี้ มีโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลและดิจิทัลคอนเทนต์ ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 79 โครงการ
อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 184,078 ล้านบาท (382 โครงการ) ทิศทางการลงทุนในกลุ่มนี้สะท้อนว่าประเทศไทยกำลังขยับจากฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปไปสู่อุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และวัตถุดิบของ PCB รวมกว่า 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ก็มีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 18,000 ล้านบาท การประกอบและทดสอบชิปกว่า 6,000 ล้านบาท การผลิต Hard Disk Drive และชิ้นส่วนกว่า 4,000 ล้านบาท และการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า 70,985 ล้านบาท (229 โครงการ) เช่น การลงทุนปรับปรุงสายการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งแบบ Hybrid และ BEV รวมกว่า 20,000 ล้านบาท การผลิตยางล้อกว่า 11,000 ล้านบาท การผลิตและซ่อมอุปกรณ์และชิ้นส่วนอากาศยานกว่า 5,000 ล้านบาท และการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ต่างๆ โดยเริ่มมีการลงทุนผลิตระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ ระบบส่งกำลัง และระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย
ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่จะนำประเทศสู่ Go Green เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล มีมูลค่าขอรับการส่งเสริม 74,212 ล้านบาท (300 โครงการ) ยังไม่นับรวมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร การแพทย์ และท่องเที่ยว ที่มีการขอรับส่งเสริมจำนวนมาก
“สถิติการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงคลื่นการลงทุนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น Data Center และอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ กลุ่มแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือ PCB และกิจการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์”
ทั้งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนให้กับอุตสาหกรรมหลักของไทย อย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินลงทุนนี้จะช่วยหนุนให้เกิดการเติบโตของการจ้างงานบุคลากรไทย การพัฒนาทักษะและเทคโนโลยี การส่งออก รวมถึงการเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยบีโอไอจะเร่งผลักดันโครงการสำคัญให้ลงทุนจริงได้เร็วที่สุดผ่านกลไก Thailand FastPass ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม