ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) คาดการณ์ว่าในปี 2568 รายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด จะลดลงอย่างน่าเป็นห่วงถึง 16% เหลือเพียง 8.1 แสนล้านบาท จากที่เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.7 แสนล้านบาทในปี 2567
สาเหตุหลักมาจาก ปัญหาอุปทานส่วนเกิน (ผลผลิตล้นตลาด) เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยทำให้มีผลผลิตออกมาจำนวนมาก แต่ความต้องการทั้งในและต่างประเทศไม่สามารถรองรับได้ทัน ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำลงอย่างรุนแรง และคาดว่าสถานการณ์นี้อาจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
ttb analytics ได้วิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหาอุปทานส่วนเกินที่แตกต่างกันในพืชแต่ละชนิด ดังนี้
ข้าว: ส่งออกชะลอตัว
- การบริโภคในประเทศมีจำกัด ทำให้ต้องพึ่งพาการส่งออกเพื่อระบายผลผลิตส่วนเกิน
- คาดการณ์ว่าปี 2568 มูลค่าส่งออกข้าวไทยจะหดตัวถึง 40% คิดเป็นปริมาณข้าวเปลือกที่ล้นอยู่ในระบบกว่า 2.9 ล้านตัน
- สต็อกข้าวที่สูง ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปรังที่จะออกมาเพิ่ม ยิ่งกดดันให้ราคาข้าวเปลือกในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อาจลดลงหนักถึง 35-40%
ปาล์มน้ำมัน: นโยบายบิดเบือนตลาด
- ราคาน้ำมันปาล์มในปัจจุบันสูงกว่าราคาน้ำมันดีเซล ทำให้การนำไปผสมเป็นไบโอดีเซลยิ่งเพิ่มต้นทุนด้านพลังงาน
- ภาครัฐจึงปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B5 เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมัน
- ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลงทันทีประมาณ 1.3 ล้านตันต่อปี (เกือบ 7% ของผลผลิตทั้งหมด)
มันสำปะหลัง: โครงสร้างตลาดส่งออกเปลี่ยน
- เดิมทีไทยส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปจีนเป็นหลัก
- ปัจจุบัน ผู้ประกอบการจีนหันไปตั้งโรงงานผลิตแป้งมันในประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว, กัมพูชา) ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่า
- ทำให้ความต้องการซื้อมันสำปะหลังจากไทยเพื่อไปแปรรูปส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง และกดดันราคาหัวมันสดในประเทศให้ตกต่ำ
ขณะที่สถานการณ์ปี 2569 อาจยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเกิด ปรากฏการณ์ลานีญา ที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนมากและผลผลิตทางการเกษตรจะออกมาเยอะต่อเนื่อง ซ้ำเติมปัญหาอุปทานส่วนเกิน ในขณะที่ตลาดยางพารายังเผชิญความท้าทายจากอุตสาหกรรมยานยนต์ และราคาอ้อยมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก
ttb analytics แนะให้ภาครัฐเร่งจัดการปัญหาอุปทานส่วนเกินอย่างจริงจัง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่
ด้านอุปสงค์ (Demand):
- เร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อระบายผลผลิตส่วนเกิน
- ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีความหลากหลายและมีมูลค่าสูงขึ้น
ด้านอุปทาน (Supply):
- ทบทวนนโยบายให้รัดกุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผ่านการใช้เทคโนโลยี Smart Farming และระบบเกษตรแปลงใหญ่
- ปรับปรุงกลไกพยุงราคา โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว