กฟก.ชง ‘รัฐบาลอนุทิน’ จบหนี้เกษตรกร 1.5 แสนล้าน ใน 4 เดือน

24 ก.ย. 2568 | 21:30 น.

เปิดตัว 'วรรณี มหานีรานนท์' เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ คนใหม่ โชว์วิสัย ชง ‘รัฐบาลอนุทิน’ จบหนี้เกษตรกร 1.5 แสนล้าน ใน 4 เดือน

KEY

POINTS

  • กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เสนอแผนต่อรัฐบาลนายกฯ อนุทิน เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ให้สำเร็จภายใน 4 เดือน
  • แผนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 5.8 แสนรายที่ขึ้นทะเบียนหนี้ไว้กับ กฟก. โดยจะเน้นการจัดการหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นหลัก
  • กฟก. จะเร่งสะสางและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนหนี้ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นกลไกในการเข้าซื้อหนี้จากเจ้าหนี้เดิมมาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

“หนี้สินเกษตรกร”  เป็นหนึ่งในภารกิจเร่งด่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยระบุ 1 ในนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน จะเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย

กฟก.ชง ‘รัฐบาลอนุทิน’ จบหนี้เกษตรกร 1.5 แสนล้าน ใน 4 เดือน

“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นางวรรณี มหานีรานนท์” เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เป็นลูกหม้อ และผู้หญิงคนแรก มารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ถึงแนวนโยบายการจัดการหนี้สินเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนหนี้ ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน กว่า 583,776 ราย รวม 936,223 สัญญา มีมูลหนี้กว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลสามารถล้างหนี้เกษตรกรได้ภายใน 4 เดือน

 

เร่งสางข้อมูลหนี้ให้อัปเดต

นางวรรณี กล่าวว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นเครื่องมือที่ดีในการช่วยรัฐบาลจัดการหนี้สินเกษตรกร โดยเฉพาะรัฐบาลใหม่ที่ประกาศเป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน ที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ เนื่องจากปัญหาเกษตรกรเป็นปัญหาสำคัญ การที่จะปิดหนี้เกษตรกรได้ทั้งหมดภายในระยะเวลา 4 เดือน ก็มีความเป็นไปได้ ปัจจุบันมีเกษตรกรสมาชิก กฟก. กว่า 5.2 ล้านราย นับตั้งแต่ปี 2546 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนหนี้ให้ซื้อ กว่า 5.83 แสนราย รวม 9.36 สัญญา มูลหนี้ 1.5 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.04 ของสมาชิกทั้งหมด

 

กฟก.ชง ‘รัฐบาลอนุทิน’ จบหนี้เกษตรกร 1.5 แสนล้าน ใน 4 เดือน

 

“มูลหนี้เกษตรกรกว่า 1.5 แสนล้านบาท ใครฟังก็ตกใจ เป็นหนี้ที่ค่อนข้างใหญ่มาก แต่ถ้าจัดสรรให้ได้จริง ๆ อาจจะเหลือแค่ 5,000 ล้านบาท หรือ 1 หมื่นล้านบาท ก็มีความเป็นไปได้ ทั้งนี้เกษตรกรเป็นประชากร 1 ใน 3 ของประเทศไทย ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ได้ จะทำให้เกษตรกรลดการชุมนุมเรียกร้อง ซึ่งจะทำอย่างไรให้มีการแก้หนี้อย่างเป็นระบบ ปีนี้จะต้องเคลียร์ให้ได้ว่าหนี้เหลือเท่าไร เป็นหนี้มีคุณภาพหรือไม่ และที่สำคัญเกษตรกรยังทำการเกษตรหรือไม่

 

ทั้งนี้ กฟก.จะสะสางทั้งทะเบียนองค์กร และทะเบียนหนี้ให้แล้วเสร็จและเป็นข้อมูลอัปเดตล่าสุด เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบข้อมูลว่ากองทุนเป็นหนี้เท่าไร และเกษตรกรจะได้รับการจัดการจากรัฐบาลเท่าไร ซึ่งจะเป็นหนี้ที่รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ และไม่เป็นภาระรัฐบาลมากเกินไป

อย่างไรก็ดีกองทุนฟื้นฟูฯ บริหารด้วยบอร์ดมีคณะกรรมการจัดการหนี้ และกำหนดนโยบายในการจัดการหนี้ มีประกาศหลักเกณฑ์ที่จะมารองรับเพื่อให้สำนักงานไปซื้อหนี้ ก็จะมีเกษตรกรที่เป็นหนี้ตั้งแต่หลักหมื่นบาท มีบุคคลคํ้าประกัน และมีกำหนดมูลหนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาท กองทุนจะเข้าไปซื้อหนี้ให้ (หลังจากนั้นเกษตรกรจะมาผ่อนกับกองทุนฟื้นฟูแทนธนาคาร) ส่วนหนี้ที่เกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป ก็ให้เกษตรกรจัดการเอง หรือกรณีเกิน 5 ล้านบาท แล้วต้องพิจารณาเป็นรายไปต้องมีการดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะต้องการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรรายย่อย ซึ่งก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดไว้

 

รักษา 2 แสนไร่ไม่ให้ถูกยึด 

นางวรรณี กล่าวว่า ผ่านมา 22 ปี สำนักงานฯสามารถจัดการหนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ประมาณ 3.8 หมื่นราย คิดเป็นจำนวนที่ดินที่กองทุนฟื้นฟูฯ ช่วยเอามาเก็บไว้เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าหนี้ยึดร่วม 2 แสนไร่ ส่วนหนี้ที่เหลือที่ยังไม่ได้จัดการ เพราะหลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนหนี้แล้ว ต้องมาตรวจสอบจำแนกแยกหนี้ ก็มีทั้งหนี้ปกติ ,หนี้ผิดนัดชำระ หนี้ดำเนินคดีถูกฟ้องร้อง และด้วยงบรัฐบาลที่จัดสรรให้มีความจำกัด และต้องจัดการหนี้ที่เร่งด่วนก่อนไม่เช่นนั้นที่ดินจะถูกขาย

 

“ที่ผ่านมามีเกษตรกรมาเรียกร้องและกดดันตลอดเวลา เพราะมีปัญหาค้างคาสะสมไม่ได้รับการจัดการ ล่าสุดได้มอบนโยบายไปแล้ว ปีงบประมาณ 2569 ที่ขึ้นทะเบียนหนี้ไว้กว่า 5 แสนราย จะมีเหลือเกษตรกรกี่ราย ที่ยังคงเป็นหนี้ที่ต้องการให้สำนักงานซื้อ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะจำแนกให้เห็นว่ามูลหนี้ที่แท้จริงเหลือเท่าไรเพื่อส่งข้อมูลให้รัฐบาลชุดใหม่ต่อไป”

อย่างไรก็ดีในงบประมาณปี 2569 รัฐบาลได้จัดสรรงบให้สำนักงานฯ 1,277 ล้านบาทในซื้อหนี้เกษตรกร ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลใช้กองทุนเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรฃ

 

ตัดวงจร‘นายหน้าค้าความจน’

ปัจจุบันเกษตรกรมีเจ้าหนี้ที่เป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กว่า 3.2 แสนราย มีมูลหนี้กว่า 8.6 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นหนี้สหกรณ์ 1.89 แสนราย มีมูลหนี้กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท และอันดับ 3 ธนาคารพาณิชย์ มีเกษตรกร 1.8 หมื่นราย มูลหนี้ 1.8 หมื่นล้านบาท เป็นต้น ซึ่งจากปัญหาที่รุมเร้า ก็ทำให้เกิดมิจฉาชีพที่เรียกว่า “นายหน้าค้าความจน” เกิดขึ้นทั้งที่การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว

“วิธีแก้จะหาทางให้ข้อมูลโปร่งใส เข้าถึงได้ โดยให้เกษตรกรเข้าถึงเจ้าหน้าที่กองทุนโดยตรง มีแอพพลิเคชั่นที่สามารถเข้าไปเช็คตรวจสอบได้ ขณะเดียวกันหากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ฉับพลันรวดเร็วสะสางองค์กร ทะเบียนหนี้เกษตรกร ได้ชัดเจนจะทำให้กระบวนการแบบนี้จะทำได้ยากขึ้น นี่เป็นแผนหนึ่งที่ได้มอบนโยบายไว้กับผู้บริหารกองทุนทั่วประเทศ”

อย่างไรก็ดีหลังจากเข้ามารับตำแหน่งจากในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องภัยชายแดนไทย-กัมพูชา และภัยพิบัตินํ้าท่วม ได้ให้สาขาจังหวัดตรวจสอบ ว่ามีจำนวนกี่รายให้รวบรวมเสนอบอร์ดพิจารณาให้กลุ่มนี้พักชำระหนี้ คาดว่าจะเสนอบอร์ดเห็นชอบในเร็ว ๆ นี้

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,134 วันที่ 25 - 27 กันยายน พ.ศ. 2568