KEY
POINTS
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่รัฐบาลใหม่จะดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง” คาดจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคม 2568 และคาดจะใช้งบประมาณราว 25,000 ล้านบาทจากงบกลางหรือหมวดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ในเรื่องนี้ทางสมาคมเห็นด้วยถึงความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ดีในส่วนตัว มองว่าเกษตรกรอยากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรูปเงินสดมากกว่า เนื่องจากโครงการคนละครึ่ง ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันจ่ายสมทบคนละครึ่งในการจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ซึ่งในความเป็นจริงเกษตรกรบางส่วนไม่มีเงินไปสมทบในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่สามารถจ่ายเป็นเงินสดผ่านบัญชี ธ.ก.ส.ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเพียงเสียงสะท้อนให้รับทราบถึงข้อเท็จจริงเท่านั้น
“โครงการคนละครึ่ง บางคนไม่มีเงินไปสมทบหรอก สมมุติซื้อของ 200 บาท รัฐช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งประชาชนหรือเกษตรกรต้องร่วมจ่าย แต่ในข้อเท็จจริงบางคนไม่มีเงินติดตัว รวมถึงคนหาเช้ากินค่ำ ก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ดังนั้นอยากให้จ่ายเป็นเงินสดมากกว่าเพราะคนที่ไม่มีเงินไปสมทบก็มีมาก”
อย่างไรก็ดี เพื่อความยั่งยืนของเกษตรกรหรือชาวนา สิ่งที่เกษตรกรต้องการจริง ๆ ในเรื่องมาตรการเร่งด่วน หรือ Quick Win ซึ่งได้เรียกร้องมาหลายรัฐบาลใน 3 เรื่อง ได้แก่
1.เรื่องแหล่งน้ำ ขอให้ภาครัฐพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา และพืชเกษตรอื่น ๆ
2.เรื่องเมล็ดพันธุ์ ชาวนาต้องการพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ให้ผลผลิตสูงไม่ต่ำกว่า 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดต่างประเทศ เพราะพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงแม้ราคาข้าวจะตกต่ำ ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้
3.เรื่องการลดต้นทุนการผลิต โดยช่วยเหลือหรือจัดหาในเรื่องปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช น้ำมัน และต้นทุนด้านอื่น ๆ ให้ถูกลง