KEY
POINTS
ในช่วงที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการค้าโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา รวมถึงปัจจัยทางการเมืองที่รุมกระหนํ่า แต่ต้องถือว่ารัฐบาลมีความตั้งใจในการออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง แม้จะไร้โครงการจำนำข้าว และประกันรายได้พืชเศรษฐกิจก็ตาม
ลุ้น “รำ-ปลายข้าว” อัพราคา
เริ่มจาก “ข้าว” ใช้งบประมาณมากกว่า 1 แสนล้านบาท ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ชาวนาที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวนาปรังและนาปี มีเสียงชื่นชม หลังรัฐบาลตัดสินใจจ่ายตรงเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ไม่ต้องผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ชาวนาที่ลงทะเบียนเกษตรกรทั้งนาปรังและนาปีได้รับเงินสูงสุด 2 หมื่นบาท เช่นเดียวกับโครงการคู่ขนาน 3 มาตรการเดิม ในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว คาดว่าเปิดฤดูการเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ ปี 2568/69 ประมาณกลางเดือนตุลาคม แนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิยังมีทิศทางที่ดี ไม่ลดลงมาก เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการออกมาเร็ว
นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการการชะลอการขายข้าวเปลือกของเกษตรกร และให้โรงสีชะลอการรับซื้อ ซึ่งราคาข้าวหอมมะลิจะราคาดีแค่ไหน มีเรื่องบายโปรดักส์ (ผลพลอยได้) เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะขณะนี้ (3 ก.ย.68) ราคาปลายข้าว เหลือ 7 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)และรำข้าว ก็ปรับลงมาเหลือ 6.50 บาท/กก. เป็นช่วงปลายฤดูของนาปี ยังไม่มีการสีแปรข้าวเยอะมาก จากราคาข้าวเปลือกเจ้ายังตกตํ่ามาก แต่หากเป็นช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูการผลิตใหม่ (ข้าวนาปี) ช่วงปลายปีนี้ จะมีผลผลิตออกมามากขึ้น ห่วงว่าราคาจะไหลลง
คาดข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ตกมาก
อย่างไรก็ในส่วนของบายโปรดักส์ในเวลานี้ หากราคาขยับขึ้นเมื่อเทียบปีที่แล้ว โดยรำข้าว ราคา 9 บาท/กก. เช่นเดียวกับปลายข้าว กว่า 9 บาท/กก. จะทำให้ราคาข้าวเปลือกไม่ปรับลงมากนัก อย่างไรก็ดีหวังว่ามาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ให้โรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งเปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาท/กก. และให้ผู้รวบรวมในพื้นที่รับซื้อข้าวโพดสดความชื้น 30% จากเกษตรกรในราคา 7.05 บาท/กก. จะส่งผลให้บายโปรดักส์จากข้าวราคาปรับตัวขึ้นมาด้วย
“มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวที่ออกมา 3 มาตรการคู่ขนานก็ดีแล้วที่รัฐบาลได้ทำล่วงหน้า พอผลผลิตข้าวออกมา จะได้ใช้มาตรการอย่างทันท่วงทีเลย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่การันตีหรือยืนยันว่า จะช่วยทำให้ราคาข้าวดี ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีการนำเข้าข้าวโพดมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้”
ผวาถั่วเหลืองนำเข้าขย่มปาล์ม
ด้านนายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ และกรรมการ คณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) เผยว่า สถานการณ์ราคาปาล์มนํ้ามัน ณ วันที่ 3 ก.ย.68 ราคา เฉลี่ย 7-7.40 บาทต่อก กก.ในความคิดเห็นส่วนตัว ราคาปาล์มที่เหมาะสมอยูที่ 6.50-6.70 บาทต่อ กก. และในช่วงที่ผลผลิตปาล์มออกมามาก ราคาที่โรงงานรับซื้อไม่ควรตํ่ากว่า 5.50-5.60 บาท/กก. ส่วนลานเท รับซื้อ ไม่ตํ่ากว่า 5 บาทต่อกก. ซึ่งราคาที่กล่าวมา จะดีต่อระบบในทุกห่วงโซ่ที่อยู่รอดได้ และผู้บริโภคไม่ต้องแบกรับภาระนํ้ามันปาล์มขวดราคาแพงมาก หากประเทศไทยมีการบริหารแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายปาล์มนํ้ามันก็ได้
“สิ่งที่ชาวสวนปาล์มกังวลที่สุดก็คือ จากการที่คณะกรรมการพืชนํ้ามันและนํ้ามันพืช มีมติเห็นชอบเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง (ปี 2569-2571) เป็นระยะเวลา 3 ปี ภายใต้พันธกรณี WTO โดยไม่จำกัดปริมาณและภาษีเป็น 0% เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะส่งผลทำให้ราคาปาล์มในประเทศตกตํ่า อย่างไรก็ดีในช่วงนี้หากมีการเลือกตั้งใหม่ ชาวสวนปาล์มจะเลือกพรรคที่ไม่เคยเป็นรัฐบาลมาก่อน เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เพียง 4 ปี ถ้าไม่ได้ก็เปลี่ยนแค่นั้นเอง”
กฎหมายประมง แท้งรอบ 2
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถึงร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และส่งมายังวุฒิสภาพิจารณา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 มีจำนวน 71 มาตรา จะมีการสรุปผลในวันที่ 4 กันยายน 2568 และคาดว่าจะเสนอเข้าสภาเห็นชอบในวันที่ 5 กันยายน 2568 คาดจะแท้งรอบ 2 แต่ในครั้งนี้ใกล้ความจริงที่สุด เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่อีก เนื่องจากกฎหมายใหม่ เจตนารมณ์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและชาวประมง ผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม
ขณะนายระวี รุ่งเรือง อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายกสมาคมการค้าเครือข่ายชาวนาไทย ในฐานะแกนนำผู้จัดทำร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. ....ในสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยถึงความคืบหน้าว่า ร่างฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเปิดตัวในวันที่ 19 กันยายน 2568 และจะทำเปิดรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรทั่วประเทศ หลังจากนั้นจะนำเสนอร่างฯ ให้รัฐบาลชุดใหม่เพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารข้าวมีความครบวงจรและเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น มีรายได้ที่ดีขึ้นและมีความยั่งยืนในอาชีพ
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,129 วันที่ 7 - 10 กันยายน พ.ศ. 2568